ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-สุดทึ่ง! “ลุงอ่วม”โคราชวัย 71 ปี ลงแรงขุดมันป่า ลึกเกือบ 3 เมตร 2 ชั่วโมงขายโลละ 40 บาท เผยทำมาตั้งแต่เด็ก ใช้เวลาว่างหลังเก็บเกี่ยวออกหาขุดมันป่ามาประกอบอาหารและขายเป็นรายได้เสริมทุกปี ชี้ประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวานเป็นเมนูหากินได้ยาก เหตุขุดยากลำบากต้องทุ่มเททั้งแรงกายและเวลา
ลุงอ่วม ส่องกระโทก วัย 74 ปี ชาวบ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จะ.นครราชสีมา ใช้เวลาว่างหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ตระเวนออกหาขุดมันป่ามาประกอบอาหาร ลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และจำหน่ายเป็นรายได้เสริมตามชุมชนใกล้หมู่บ้าน ซึ่งมันป่าที่ว่านี้ ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า “มันเหลี่ยม” มีลักษณะลำต้นเป็นเครือ เลื้อยคดเคี้ยวเกาะต้นไม้อื่นทั่วไป และเครือส่วนที่เป็นลำต้น จะมีลักษณะเป็นเหลี่ยม จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “มันเหลี่ยม” ส่วนหัวของมันจะเป็นท่อนยาว มีขน ฝังตัวอยู่ใต้ดินในแนวดิ่งลึก เกิดขึ้นได้ตามป่าทั่วไป
การขุดหัวมันชนิดนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะจะต้องขุดตามแนวเครือที่ลึกลงไปใต้ดินไม่น้อยกว่า 1 เมตร อย่างต้นที่กำลังขุดอยู่นี้ต้องขุดลึกลงไปเกือบ 3 เมตร จึงจะนำหัวมันขึ้นมาได้ทั้งหมด และลุงอ่วม ต้องใช้เวลาขุดหัวมันเหลี่ยมหัวนี้ นานกว่า 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งช่วงแรกต้องขุดหลุมให้กว้างไม่น้อยกว่า 1 เมตร เพื่อทำเป็นจุดพักในขณะที่ขุดลงไปได้ระดับหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขุดต่อไปได้
ลุงอ่วม บอกว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาว หลังจากสิ้นการเกี่ยวข้าวแล้ว ตนจะอาศัยเวลาว่างออกไปหาขุดมันเหลี่ยมนำมาประกอบอาหาร ซึ่งมันชนิดนี้สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งอาหารคาวและหวาน โดยอาหารคาวส่วนใหญ่จะทำเป็นแกงป่าปลาย่างหรือปลาป่น ส่วนของหวานก็จะเป็นมันบวชกะทิ หากขุดหาได้มากจะนำไปขายในราคากิโลกรัมละ 40 บาท ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกปี แม้ต้องใช้เวลาขุดค่อนข้างนาน เสียแรงไปเยอะ แต่ถือว่าเป็นการออกกำลังกายและใช้เวลาว่างไปในตัว แม้ค่าตอบแทนที่ได้ไม่มากนัก แต่เพียงพอแล้วสำหรับคนสูงอายุที่ว่างงาน ซึ่งปีนี้ตนหามันเหลี่ยมได้เกือบ 100 กิโลแล้ว ได้เงินเก็บเกือบ 4 พันบาท ซึ่งตนทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ส่วนวิธีการนำมันเหลี่ยมมาปรุงอาหาร อาจยุ่งยากตอนปอกเปลือกเล็กน้อย เนื่องจากระหว่างเปลือกกับเนื้อมันจะเป็นเมือกลื่น หากให้สะดวก ควรนำมานึ่งเพื่อให้มันคายเมือกออกก่อน สำหรับรสชาติของมันเหลี่ยมมีรสชาติคล้ายกับมันเทศ แต่เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบกว่า ทุกวันนี้หารับประทานได้ค่อนข้างยาก แม้ยังมีพบเห็นได้ทั่วไป แต่เพราะการขุดหาที่ค่อนข้างลำบาก ต้องใช้แรงและเวลาเยอะมาก จึงทำให้แทบจะไม่เห็นเมนูนี้ได้ที่ไหนแล้ว
