ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ฯ ม.ขอนแก่น ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาสมรรถนะมนุษย์และการเสริมสร้างสุขภาพ จัดโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพ เน้นการบูรณาการ การเกษตร วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสาน โดยนำร่องโครงการแรกที่บ้านโนนสะอาด ต.ทุ่งโป่ง อ.อุบลรัตน์
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บ้านโนนสะอาด ต.ทุ่งโป่ง อ.อุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาสมรรถนะมนุษย์และการเสริมสร้างสุขภาพ จัดโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพขึ้น เพื่อพัฒนารูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการ การเกษตร วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสาน โดยมี ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ นายกานต์ ทองเสน นายอำเภออุบลรัตน์, ศ.ดร.จินตนาภรณ์ วัฒนธร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาสมรรถนะมนุษย์ฯ ร่วมเปิดโครงการ มีผู้สังเกตการณ์กว่า 200 คนจากหน่วยงานราชการ เอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วมด้วย
ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ มข. กล่าวถึงโครงการดังกล่าวว่า เป็นการบูรณาการหลายๆ โครงการของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าด้วยกัน สร้างสรรค์เป็นกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าประทับใจ ทั้งการปลูกผักอินทรีย์ วิถีชีวิตประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว ได้รับประทานอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น รวมไปถึงพื้นที่จัดงานที่สวยงาม อากาศเย็นสบาย
“เชื่อว่าโครงการที่บูรณาการหลายศาสตร์ในลักษณะนี้จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนดีขึ้น เพราะเมื่อใดก็ตามที่ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ย่อมมีการจับจ่ายที่มากขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น และจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาวบ้านในระยะยาว ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศนั่นเอง” ศ.ดร.ธิดารัตน์กล่าว
ขณะที่ นายกานต์ ทองเสน นายอำเภออุบลรัตน์ กล่าวเสริมว่า อำเภออุบลรัตน์วางแนวทางพัฒนาขับเคลื่อนอำเภอไว้ 4 ท. ประกอบด้วย 1) ท ท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้น่าสนใจ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น 2) ท ท่องธรรม มุ่งเน้นการพัฒนาสถานที่สำคัญทางศาสนา ให้เป็นที่รู้จัก 3) ท ท่องการศึกษาและวัฒนธรรม มีเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถมาศึกษาเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ เช่น ทุ่นลอยน้ำ ท้องฟ้าจําลอง และเข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนได้
และสุดท้าย 4) ท ท่องสินค้าและบริการ การหาแนวทางส่งเสริมสร้างอาชีพให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น โดยนําการดำเนินการของ 3 ข้อข้างต้น มาเป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างสินค้าและบริการ
นายกานต์บอกอีกว่า เป็นโอกาสอันดีที่ทุกท่านได้ให้เกียรติเดินทางมาในพื้นที่ของเรา ขอบคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ได้มีการขับเคลื่อนโครงการนี้ ช่วยให้พี่น้องชาวอุบลรัตน์เกิดความรู้ใหม่ๆ สามารถปรับพื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบเพื่อให้เกษตรกรได้นําไปต่อยอดนําไปพัฒนาจากสิ่งเดิมที่เคยทำ
ทางด้าน ศ.ดร.จินตนาภรณ์ วัฒนธร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาสมรรถนะมนุษย์และการสร้างเสริมสุขภาพ มข. ระบุว่า กิจกรรมต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นในครั้งนี้เป็นต้นแบบการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ ทดลองทำด้วยความสนุกสนาน มีการพัฒนาพื้นที่แบ่งตามกิจกรรมต่างๆ เช่น การชมพื้นที่แปลงนาข้าว 5 สี รูปตราสัญลักษณ์ครบรอบ 60 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น การเรียนรู้พื้นที่แปลงเกษตรอินทรีย์ที่มีพืชพันธุ์มากมาย ทั้ง ผัก ไม้ผล ไม้เลื้อย ไม้ดอก และพืชสมุนไพรพื้นถิ่น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังได้รับชมการแสดงฟ้อนรำ พร้อมเรื่องเล่าที่ลานแสดงกิจกรรม ตามด้วยพิธีกรรมเกี่ยวกับพิธีปลงข้าว ความผูกพันของวัฒนธรรม วิถีชีวิตคนอีสาน
นอกจากนี้ยังมีการหว่านกล้า ปักดำ ลงแขกเกี่ยวข้าว นวดข้าว ตำข้าว และสามารถเดินเยี่ยมชมซุ้มกิจกรรมสาธิตผลผลิตภัณฑ์จากข้าว และ ผลิตภัณฑ์ชุมชน ชมและร่วมทดลองทำเมนูอาหารแปรรูปจากข้าว ข้าวจี่ ข้าวโป่ง ข้าวต้มมัด ข้าวต้มหัวหงอก ขนมจีน ผลิตภัณฑ์จักสานจากฟางข้าว รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนจากวัตถุดิบพื้นถิ่นอีกด้วย
โครงการนี้เป็นรูปแบบใหม่ที่บูรณาการทุกส่วน โดยเน้น 4 อ. คือ อาหาร ซึ่งเป็นอาหารอีสานที่ใช้ผักออร์แกนิกจากแปลง, อารมณ์ มีการแสดงสวยงามรอต้อนรับนักท่องเที่ยว, ออกกําลังกาย มีพื้นที่สวน ทุ่งนาให้ทุกคนได้เดินออกกำลังกาย พูดคุยกันได้ และอากาศ เย็นสบายให้ทุกคนได้มาสูดอากาศธรรมชาติ จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพด้วยกัน”
นายฐานิศร์ ณ สงขลา อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน กงสุลใหญ่ เมืองเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย ผู้เข้าร่วมโครงการในฐานะนักท่องเที่ยวในโครงการฯ เปิดเผยว่า การได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้รู้สึกประทับใจที่ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตทำการเกษตรแบบใช้น้ำน้อย ที่ปัจจุบันกําลังได้รับความนิยมในหลายประเทศ “เมื่อเห็นวิธีการปลูกผักแบบยกแปลง และการปรุงดิน ปลูกบนโต๊ะ ใช้เวลาเดือนเดียวมีผลผลิต สามารถทําได้หลายครั้ง การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้จึงเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ควรจะส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ ให้รู้จักกันในวงกว้าง”
เพราะตอนนี้รัฐบาลกําลังสนับสนุนส่งเสริมเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งการท่องเที่ยวในลักษณะนี้ก็เป็นการนำเสนอวิถีชุมชน เป็นซอฟต์เพาเวอร์ เช่นเดียวกัน สามารถต่อยอดไปได้หลายอย่าง ทั้งเรื่องของเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และ SMEs
การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตในท้องถิ่นนับเป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี มหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยสองสถาบันฯ ดังกล่าวจึงร่วมกันจัดโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อพัฒนารูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการหลายศาสตร์ทั้งการเกษตร วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีสาน กลายเป็นจุดแข็งของแหล่งท่องเที่ยวลักษณะนี้ และเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนดีขึ้น
โดยเฉพาะอากาศเย็นสบายในช่วงปลายปี การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตในท้องถิ่นนับเป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี ที่ สำคัญจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคนอาจกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อสุขภาพ ในวันหยุดพักผ่อนหลังลุยงานหนักมาตลอดทั้งปี