ลำปาง - นายกสมาคมผู้ปกครองครูโรงเรียนดังลำปางโต้ทันควัน..เพจหมาเฝ้าบ้านโพสต์แฉรีดไถเงิน นร.คนละ 500 รวมเฉียดล้านเจ็ดต่อปีเพื่อศึกษาดูงาน ยันไม่ได้ไถ-ทำถูกต้อง-มีมติ ผปค.รองรับเป็นเอกฉันท์ จ่อฟ้องที่ทำชื่อเสียงของสมาคมและโรงเรียนเสียหาย
หลังจากเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ได้ลงข้อความและภาพของโรงเรียนอนุบาลลำปางฯ ว่า..ไถเงินเด็กเข้าสมาคมผู้ปกครอง ทั้งโรงเรียนเฉียดล้านเจ็ด นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์) ออกหนังสือถึง ผอ.ร.ร. ให้เก็บเงินค่าบำรุงสมาคมฯ กับนักเรียน ประจำปี 66
ย้ำให้ครูประจำชั้นเก็บจากเด็กทุกคน คนละ 500 บาท ส่งเงินและทำรายงานว่าเด็กคนไหนจ่ายวันไหน ที่ห้องงบประมาณในเวลาบ่ายสองของทุกวัน เพื่อเหรัญญิกสมาคมฯ เข้าไปรับเงิน หนังสือฉบับนี้ออกวันที่ 20 พ.ย. 66 วันถัดมา ผอ.เซ็นรับทราบและสั่งให้ครูประจำชั้นทำตามที่นายกสมาคมฯ ว่ามา
ต่อมา 1 ธ.ค. 66 นายกสมาคมฯ ก็ออกหนังสือฉบับใหม่ถึงผู้ปกครองนักเรียนให้สมัครสมาชิกและจ่ายค่าบำรุงรายปี 500 บาท รอบนี้เขียนขอความร่วมมือและอ้างระเบียบสมาคมให้ต้องจ่ายภายใน 28 ธ.ค.นี้ แต่สั่งครูนำใบสมัครให้เด็กไปให้ผู้ปกครองสมัครและจ่ายเงิน
ถ้าครูเก็บเงินเด็กไม่ได้ก็จะไม่ให้ครูเบิกงบทำสื่อการเรียนการสอน เด็กทั้งโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลถึง ป.6 ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิ.ย. 66 มีจำนวน 3,368 คน ที่ต้องจ่ายค่าสมาคมฯ นี้ ทั้งเด็ก ทั้งครู ภารโรง แม่บ้าน โดนหมด คิดรวมๆ เป็นเงินราว 1.68 ล้านบาท *โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดลำปาง..
ซึ่งปรากฏมีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็บอกว่าทำไม่ได้ และไม่ควรทำ ควรเก็บเฉพาะแรกเข้าเท่านั้น และบอกว่าโรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีสมาคมฯ สมาคมฯ ตั้งขึ้นเพื่ออะไร เป็นต้น
วันนี้ (10 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามนายสนิท ใจคำ นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลลำปาง พร้อมคณะกรรมการบางส่วน รวมถึง ผอ.โรงเรียน ด้วย
นายสนิท ใจคำ นายกสมาคมผู้ปกครองและครูฯ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยความพอใจว่า เพจที่นำเรื่องดังกล่าวไปลงโดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงจากสมาคมและทางโรงเรียนก่อน สร้างความเสียหายมาก เพราะเรื่องที่นำไปลงนั้นทางสมาคมสามารถชี้แจงได้ รวมถึงดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ
ซึ่งยอมรับว่าในที่ประชุมได้มีการเสนอให้จัดเก็บค่าบำรุงสมาคมฯ ปีละ 500 บาทจริง เนื่องจากสมาคมฯ ได้จดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการสมาคมขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เก็บโดยสมาคมได้เชิญผู้ปกครองมาร่วมประชุม 2 ครั้ง เพื่อลงมติเห็นชอบในเรื่องนี้ และทั้งสองครั้งก็ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเรียบร้อย
ส่วนเงินที่สมาคมได้รับนั้นส่วนหนึ่งก็จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนครู-ผู้ปกครองนักเรียน ตามที่นายประทีป ประทีปยุวพันธ์ อดีต ผอ.โรงเรียนฯ ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว ได้เสนอให้นำเงินรายได้สมาคมฯ ปีละ 300,000 บาท มาจัดตั้งกองทุนฯ หากมีสมาชิกเสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท หากมีบุตรในโรงเรียน 2 คน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 60,000 บาท
การเก็บค่าบำรุงเนื่องจากปี 2566 สมาคมได้ก่อตั้งในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาบเกี่ยว ในที่ประชุมจึงมีมติให้จัดเก็บครั้งเดียวในเดือนธันวาคมคือ 500 บาท โดยจัดเก็บเป็นรายบุคคลชำระพร้อมกับเงินบำรุงการศึกษา ปีการศึกษา 2566 ชำระในภาคเรียนที่ 2 ส่วนปีการศึกษาต่อไปชำระภาคเรียนละ 250 บาท ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบเช่นกัน
เพจดังกล่าวนำไปเผยแพร่เป็นเรื่องไม่จริง ทางสมาคมฯ ไม่ได้รีดไถ หรือมีบางคอมเมนต์เขียนในทำนองว่าจะมีการนำเงินไปดูงานของครู ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง ส่วนที่จะต้องเรียกเก็บในปลายเดือนธันวาคมก็เนื่องจากใกล้สิ้นปีและเกรงว่าหากข้ามปีไปแล้วและใกล้เปิดเทอมใหม่จะมีปัญหา จึงต้องการให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
“ข่าวดังกล่าวทางสมาคมฯ โรงเรียน ได้รับความเสียหายมาก ทางสมาคมฯกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อปกป้องสมาคมและโรงเรียน และอาจจะฟ้องสื่อดังกล่าวที่นำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง”
ด้านนายประทีป ประทีปยุวพันธ์ อดีต ผอ.โรงเรียน ซึ่งเป็นผู้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เรื่องที่เป็นข่าวไม่เป็นความจริง เพราะการขอเก็บเงินบำรุงสมาคมฯ ทางผู้ปกครองที่เข้าร่วมประชุมเห็นชอบแล้ว และไม่ได้ดำเนินการใดๆ โดยพลการ
บางคนบอกว่าทางโรงเรียนรีดไถนักเรียนก็ไม่เป็นความจริง ทางโรงเรียนไม่ได้บังคับแต่ขอความร่วมมือโดยสมัครใจ การเรียกเก็บเงินแม้จะบอกว่าเก็บเป็นรายบุคคล แต่หากผู้ปกครองท่านไหนมีลูกเรียนในโรงเรียน 2 คน ก็ชำระเพียง 1 คนเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ถูกปล่อยออกไปเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ไม่รักและไม่หวังดีต่อโรงเรียน
ขณะเดียวกัน ทางด้านตัวแทนของผู้ปกครองนักเรียน ได้มีการโพสต์ในกลุ่มไลน์เครือข่ายผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า
“ฉันเป็นหนึ่งใน ผปค.ที่เห็นชอบยกมือให้ความร่วมมือในการเก็บเงินค่าบำรุงสมาคม เท่าที่ได้ฟังมีการแจ้งรายการที่ชัดเจน คือ การนำเงินช่วยเหลือเด็ก ครู ที่บุคคล เช่น พ่อแม่เสียชีวิต จะนำเงินช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท แค่นั้นค่ะ (หากมีตกหล่น ขอรบกวนชี้แจงเพิ่มเติมให้ด้วยนะคะ) ดังนั้นจึงขออนุญาตสอบถามเป็นข้อๆ ดังนี้
1. จำนวนเงิน 500 บาทต่อจำนวนครู นักเรียน ทั้งโรงเรียน เก็บรวมแล้วได้เกือบ 1.68 ล้านบาท (อิงตามโพสต์ข้างต้น) ถ้าเทียบปริมาณเงินช่วยเหลือ ครู นักเรียน ซึ่งในแต่ละปีมีน้อยมาก (ดูจากโพสต์การร่วมงานศพจากเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนค่ะ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการเก็บเงิน)
ดังนั้นเงินที่เหลืออยู่อีกมากจะนำไปบริหารจัดการเช่นไร บำรุงสมาคม บำรุงยังไง ใช้เพื่ออะไรบ้าง อยากให้ชี้แจงอย่างละเอียดค่ะ (เพราะอย่าลืมนะคะ จะเก็บทุกปี หลายๆ ปีเป็นเงินเยอะพอสมควร เก็บแต่ไปใช้อะไร เหลือแต่ละปี อยู่ที่ไหน สำคัญยิ่งกว่า)
2. ในที่ประชุมมี ผปค.ได้สอบถามเรื่องจำนวน ผปค.ที่มีลูกมากกว่า 1 คน ขอจ่าย 1 คนได้ไหม ทางสมาคมก็ยังให้คำตอบไม่ชัดเจนค่ะ
3. แผนดำเนินงานที่หารือกันไว้คร่าวๆ เราอิงแผนกิจกรรมของทางโรงเรียนเป็นหลักและทุกการใช้จ่ายต้องเป็นไปตามข้อบังคับของสมาคม ทาง ผปค.จะทราบรายละเอียดได้ทางไหนบ้างคะ
4. เจ้าหน้าที่ในสมาคม รวมถึงสมาชิกสมาคม มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับเงินส่วนนี้หรือไม่ เช่น เงินค่าจ้าง รายวัน หรือรายเดือน (มีการนำเงินเพื่อไปศึกษาดูงานต่างประเทศ จริงหรือไม่)
5. ขอทราบชื่อและรูปถ่ายสมาชิกสมาคม เพื่อแนะนำตัวให้ ผปค.ทราบ ได้จะดีมากค่ะ
6. ตัวแทนสมาชิกสมาคมที่ทางแต่ละสายชั้นแต่งตั้งขึ้นมาให้เป็นตัวแทนในการประชุมในแต่ละครั้ง แต่ทางตัวแทนไม่เคยมาแจ้งข่าวสารให้ทาง ผปค.ของแต่ละห้องให้ทราบ (หากแจ้งข่าวสาร รายละเอียด จะลดข้อขัดแย้ง ข้อครหาได้เยอะมากค่ะ)..ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
..ผปค.ที่นำบุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนอนุบาลลำปาง มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้บริหารและบุคลากรครูทุกท่าน…และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีใครอยากทำให้ภาพลักษณ์ของโรงเรียนเสียหายค่ะ (ซึ่งได้มีตัวแทนของคณะกรรมการของสมาคมฯ เข้ามาตอบข้อสงสัยของ ผปค.)
ส่วน ผอ.โรงเรียนคนปัจจุบัน นายสุนทร ธรรมสิทธิ ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ได้เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวตนเองเพียงรับทราบและดำเนินการตามที่สมาคมฯ ขอความร่วมมือมาเพราะเพิ่งก่อตั้งสมาคมฯเท่านั้น เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวผ่านการประชุมและมติในที่ประชุมมาเรียบร้อยทั้งหมดเมื่อ 24 กันยายน 2566 ก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อมีเสียงสะท้อนแบบนี้ก็อาจจะขอให้ทางสมาคมญชะลอและทำความเข้าใจกันอีกครั้ง