ลำพูน - สพป.ลำพูน เขต 1 ตั้งกรรมการสอบภารโรงฉาวจับหน้าอกเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ก่อนมีการเจรจาจ่ายเงิน 30,000 บาทแลกปิดปากให้เรื่องเงียบ เบื้องต้นเจ้าตัวให้การภาคเสธ บอกแค่ลูบหัวด้วยความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน
ความคืบหน้ากรณีนายเอ (นามสมมติ) แรงงานต่างด้าวชาวไทใหญ่ และเป็นพ่อของเด็กหญิงบี (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ เด็กนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองลำพูน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาลูกสาวคนเล็กได้ไปถึงโรงเรียนเช้ากว่าคนอื่นจึงนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องเรียน จู่ๆ นายชาติ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นนักการภารโรงของโรงเรียนได้เดินมาพูดคุย ก่อนใช้มือลูบที่ศีรษะ-จับหน้าอก ทำให้ลูกตนเองตกใจวิ่งไปหาเพื่อนและไปแจ้งให้ครูทราบ ก่อนที่จะได้โทรศัพท์มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตนฟัง
ต่อมาภาคสังคมในชุมชนได้มีการเจรจาให้นักการภารโรงคนดังกล่าวมอบเงินเป็นค่าทำขวัญให้เด็ก 3 หมื่นบาท และทางโรงเรียนได้ให้ภารโรงคนดังกล่าวไปอยู่ช่วยงานที่อื่นก่อนเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายนั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าวอีกครั้ง พบว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กนักเรียนประมาณ 80 กว่าคน และเมื่อสอบถามรักษาการ ผอ.โรงเรียน เบื้องต้นไม่ขอให้ข่าวเนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเด็ก และหลังเกิดเหตุได้ทำรายงานให้ ผอ.สพป.ลำพูน เขต 1 รับทราบแล้ว พร้อมกับได้มีการย้ายภารโรงคนดังกล่าวออกจากโรงเรียนไปช่วยงานที่ สพป.ลำพูน เขต 1 ทันทีเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม ดร.ณัฐกุล รุณผาบ ผอ.สพป.ลำพูน เขต 1 ซึ่งเปิดเผยว่าหลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ย้ายภารโรงออกจากโรงเรียนมาช่วยงานที่เขตพื้นที่ทันที พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามระเบียบราชการ โดยให้รอง ผอ.เขต ร่วมกับนิติกรสำนักงาน-จนท.ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สืบสวน หากมีมูลก็จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยซึ่งมีโทษตั้งแต่ตักเตือน ตัดเงินเดือน และสูงสุดคือให้ออก
“จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งเบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การภาคเสธ บอกว่าแค่จับศีรษะเด็กเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนอยู่”
ด้านนายวินัย แป้นน้อย รอง ผอ.สพป.ลำพูน เขต 1 ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่สืบสวนแล้ว วันนี้เป็นครั้งที่สองที่ลงพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นภารโรงรายดังกล่าวรับว่าแค่จับศีรษะและไหล่เด็กเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน แต่ข้อเท็จจริงยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ จากการพบกับภารโรงรายดังกล่าว เบื้องต้นไม่ขอให้ข้อมูลและยืนยันว่าแค่จับศีรษะของเด็กด้วยความเอ็นดูเท่านั้นไม่ได้ทำตามที่เป็นข่าว แต่เด็กอาจจะตกใจไปเองจนทำให้เหตุการณ์บานปลายดังกล่าว