ฉะเชิงเทรา - นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทคซิตี้ ผุดแนวคิดสร้างป่าให้ปูทะเลอยู่ร่วมทุ่งสมุนไพรชายเลน ตอบแทนคุณคนรอบข้างด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดจับมือร่วมสถาบันการศึกษาช่วยพัฒนาเป็นสินค้าชั้นนำประจำถิ่น สร้างมูลค่าให้อาชีพดั้งเดิม
น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตีั ได้เผยถึงการนำที่ดินกว่า 100 ไร่ ตลอดแนวเลียบชายฝั่งลำน้ำบางปะกง ซึ่งอยู่ใน ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เนรมิตให้เป็นทุ่งสมุนไพรในพื้นที่ป่าชายเลนริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ภายใต้โครงการ “ปล่อยร้อยได้ล้าน” ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 นอกจากจะมีเป้าหมายให้เป็นทุ่งสมุนไพรในผืนป่าชายเลนแห่งแรกของประเทศไทยที่สัตว์น้ำน้อยใหญ่สามารถอยู่อาศัยได้ตามธรรมชาติแล้ว
ยังสามารถเป็นแหล่งต้นทุนทางอาหารให้แก่คนในชุมชนรอบข้างได้อย่างสบาย โดยพืชสมุนไพรที่ปลูกในพื้นที่ป่าชายเลนมีทั้งต้นเหงือกปลาหมอ ที่สามารถอยู่ในน้ำเค็มและน้ำกร่อยได้ ซึ่งจะสามารถเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติให้สัตว์น้ำได้เป็นอย่างดี ส่วนต้นโกงกาง ที่มีรสชาติคล้ายมันฝรั่ง ชาวบ้านสามารถเก็บไปแปรรูปขายด้วยการนำไปชุบแป้งทอดเพื่อจำหน่าย และยังถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่นเดียวกับต้นปรงทะเล ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการทำแกงส้มรับประทานได้
ไม่เพียงเท่านั้น ต้นเหงือกปลาหมอ พืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมายนอกจากจะสามารถนำไปทำเป็นสบู่ ยาสระผม และครีมนวดได้แล้ว สมุนไพรชนิดนี้ยังสามารถรักษาโรคสะเก็ดเงินสะเก็ดทองได้อีกด้วย
“การนำพืชสมุนไพรมาปลูกในพื้นที่ป่าชายเลน นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์พืชสมุนไพรที่กำลังจะสูญหายไปไว้ได้แล้ว คนในชุมชนยังมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการทุ่งสมุนไพร และหลังจากนี้ยังจะได้สร้างการมีส่วนร่วมของสถานศึกษาและโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ ได้มีจิตผูกพันในรากเหง้าดั้งเดิมโดยไม่ละทิ้งหรือมุ่งแต่ไปหาซื้อกินเพียงอย่างเดียว จนอาจลืมที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง”
น.ส.กุลพรภัสร์ ยังเผยถึงแนวทางการพัฒนาโครงการ “ปล่อยร้อยได้ล้าน” ในอนาคตว่าจะมีการจับมือร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการออกแบบแพกเกจจิ้งเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผลิตขึ้นได้จากกลุ่มชาวบ้านให้มีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงช่วยเขียนแบบแผนให้เป็นระบบในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ
เนื่องจากในอนาคต นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทคซิตี้ จะมีโรงงานอุตสาหกรรมให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชม และยังจะเปิดให้เข้ามาชมพืชพันธุ์ป่าไม้ที่อนุรักษ์ไว้ด้วย
ด้าน ผศ.ดร.สถาพร ดียิ่ง ผู้ทำวิจัยเรื่องการเพาะเลี้ยงปูทะเลที่เหมาะสมกับพื้นที่จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา เผยว่า ปูทะเลมีอัตราการไข่และให้ลูกสูงถึง 1 ล้านตัวต่อน้ำหนักตัวแม่พันธุ์ปู 1 ขีด ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้แม่พันธุ์ที่มีน้ำหนักเหมาะสมที่ขนาด 3.5 ขีด
ส่วนสายพันธ์ปูทะเลที่มีอัตราการเติบโตได้ดี ในพื้นที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง คือ ปูขาว หรือปูทองหลาง ที่มีรสชาติดีกว่าปูในกลุ่มเดียวกันรวม 4 ชนิด คือ ปูดำ ปูม่วง และปูเขียว นอกจากนี้ ปูขาวยังมีอัตราการเติบโตได้ดีกว่าปูทั้ง 3 ชนิด โดยใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 3 เดือน จะสามารถจับขายได้ในราคากิโลกรัมละ 500 บาทสำหรับปูตัวผู้
ขณะที่ปูตัวเมีย หรือปูไข่นั้นราคาจะสูงกว่ากิโลกรัมละ 1,000 บาท ในขนาดน้ำหนักประมาณ 2-3 ตัวต่อ 1 กิโลกรัม โดยเป็นขนาดที่มีไม่พอขาย และจะมีพ่อค้ามาสั่งจองรับซื้อถึงบ้าน เนื่องจากปูที่เลี้ยงในพื้นที่บางปะกงแห่งเนื้อจะแน่น
ส่วน ผศ.ธนารักษ์ จันทรประสิทธิ์ หัวหน้าภาควิชาศิลปะอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอาชีพให้คนในพื้นถิ่น ร่วมกับนิคมบลูเทคซิตี้ ว่า เกิดจากการทำเอ็มโอยูร่วมกันในเรื่องของการนำศูนย์สมุนไพรมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์
รวมทั้งการพัฒนาสินค้าให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ตามความถนัดของแต่ละคน ด้วยการนำความรู้ทางวิชาการมาถ่ายทอดเชื่อมโยงกับทรัพยากรในทุกมิติทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เช่น การนำเศษใบจากที่เคยถูกนำไปทำหลังคาหรือห่อขนม มาทำเป็นสีย้อมผ้าบาติก และเปลี่ยนสีจากเศษสีในการย้อมผ้าบาติกมาเป็นขี้เถ้า เพื่อทำน้ำยาเคลือบสำหรับงานเครื่องปั้นดินเผา ที่มีการเรียนรู้อยู่ในภาควิชาการทำเครื่องปั้นดินเผา
และยังจะพัฒนาให้มีการนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เคยเกิดขึ้นอยู่แล้วมาเป็นยาและอาหาร เช่น สบู่ แชมพู เวชสำอางต่างๆ เป็นต้น