เชียงใหม่ - ผบก.ภ.เชียงใหม่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว..นายตำรวจยศ “พ.ต.ท.” ถูกสาวเอนฯ ขึ้นโรงพักเหมืองจี้แจ้งจับฐานกระทำชำเรา-ทำร้ายร่างกาย
ความคืบหน้ากรณี น.ส.พร (นามสมมติ) หญิงสาวชาว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อายุ 25 ปี ที่รับงานให้บริการเสิร์ฟตามงานเลี้ยงต่างๆ หรือที่เรียกว่าเด็กเอนฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.โอภาส มะโนเมือง รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา ระบุว่านายตำรวจสังกัดโรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ได้กระทำชำเราและทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดในพื้นที่ ต.หนองหนาม อ.เมืองลำพูน
ต่อมาช่วงสายวันที่ 28 พ.ย. 66 นายตำรวจผู้ก่อเหตุได้เดินทางไปที่ สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน เพื่อพบพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำเพิ่มเติม และรอผลชันสูตรจากแพทย์ ก่อนจะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนอีกครั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวนยืนยันว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่มีการช่วยเหลือคนสีเดียวกันแต่อย่างใด
ล่าสุด พ.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.เชียงใหม่ ได้ออกคำสั่ง “ให้ข้าราชการตำรวจออกราชการไว้ก่อน” จากกรณี พ.ต.ท.รายหนึ่งตำแหน่งรองผู้กำกับการ (ฝ่ายป้องกันปราบปราม) สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง จ.เชียงใหม่ ต้องหาคดีอาญาฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” ตามคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรเหมืองจี้ จังหวัดลำพูน ที่ 426/2566
พฤติการณ์และการกระทำมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 112 (2),(6) และมีเหตุให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ตามกฎ จึงให้ พ.ต.ท.ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน
ทั้งนี้ ในหนังสือคำสั่งยังได้ระบุพฤติการณ์ของ พ.ต.ท. รองผู้กำกับการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหารายนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุ (22 พ.ย.) ผู้เสียหาย ซึ่งได้รู้จักกับผู้ต้องหาทางเฟซบุ๊ก ได้นัดกันดื่มกาแฟที่ร้านในเขต อ.เมืองเชียงใหม่ เย็นวันเดียวกันผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้ไปรับประทานอาหารต่อที่ร้านสเต๊กในพื้นที่ อ.สารภี โดยใช้รถยนต์ของผู้กล่าวหา
หลังดื่มกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผู้ต้องหานั้นได้อ้างว่าเมาขับรถไม่ได้ จึงได้ขอร้องให้ผู้เสียหายขับรถของผู้เสียหายไปส่งที่บ้านพักบริเวณหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ท้องที่ สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน ระหว่างการเดินทางผู้ต้องหาได้ลวนลามใช้มือจับอวัยวะเพศผู้เสียหายไปตลอดทาง จนผู้เสียหายบอกให้หยุดลวนลาม ถ้าไม่หยุดจะไม่ไปส่ง ผู้ต้องหาจึงหยุดลวนลาม
และเมื่อขับรถไปส่งผู้ต้องหาถึงบริเวณบ้าน ผู้เสียหายได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาจึงได้เปิดบ้านพักให้ กระทั่งผู้เสียหายเดินกลับมาขึ้นรถ ผู้ต้องหาได้ใช้กำลังฉุดรั้งเข้าไปในบ้านชั้นสอง จากนั้นได้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องนอนบนบ้านจำนวนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จความใคร่ เนื่องจากผู้กล่าวหาไม่ยินยอม เมื่อผู้กล่าวหาสบโอกาสจึงโทรศัพท์และส่งพิกัดโลเกชันให้ญาติรีบเดินทางจากเชียงใหม่มาช่วยเหลือ และได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากศูนย์วิทยุ 191 จนกระทั่งร้อยเวร 20 ได้ไปให้ความช่วยเหลือและนำตัวผู้กล่าวหาเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาตามขั้นตอนของกฎหมาย
