xs
xsm
sm
md
lg

สห.สุดทนแจ้งความเอาผิด จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 กู้แค่ 2 แสนเศษแก้ตัวเลข 8.5 แสนบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครพนม - สห.สุดทน แจ้งความเอาผิด จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 ปลอมแปลงสัญญาเงินกู้ จากหนี้กู้จริง 230,000 บาทเพิ่มพรวดเป็น 850,000 บาท เชื่อถูกกรอกตัวเลข ล่าสุดแจ้งความโรงพักเมืองนครพนมไว้แล้วดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เผยมีสมาชิกอีกหลายรายถูกแก้ไขตัวเลขหนี้เงินกู้ เบื้องต้นน่าจะเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท


มีรายงานแจ้งว่า สิบเอก ชิษณุพงศ์ สัตตะโส อายุ 53 ปี ตำแหน่งพลสารวัตรร้อย สห.มทบ. 210 ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าตนรับราชการเป็นทหารตำแหน่ง พลสารวัตรร้อย สห.มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อประมาณปี 2559 ตนได้กู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท ต่อมาราวปี 2560 ถึงปี 2561 ตนมีความจำเป็นต้องซ่อมรถยนต์ที่ใช้อยู่จึงได้ขอกู้เพิ่มอีก 120,000 บาท รวมสองครั้งเป็นเงิน 220,000 บาท และหลังจากนั้นได้กู้เงินฉุกเฉินอีก 10,000 บาทรวมเป็นเงินที่กู้จริงเพียง 230,000 บาทเท่านั้น

โดยเงินจำนวนนี้สหกรณ์ให้ตนเซ็นชื่อรับเงินไว้บนกระดาษ A4 เป็นหลักฐาน และส่งเรื่องให้ทางการเงินหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้มาทุกๆ เดือนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาและไม่เคยกู้เงินเพิ่มอีกแต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2566 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 ได้ประกาศให้สมาชิกไปตรวจสอบสถานะทางการเงินของแต่ละคน ซึ่งหลังตรวจสอบแล้วพบว่าตนเป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 อยู่ถึง 850,000 บาท ซึ่งไม่ตรงกับจำนวนเงินที่ได้กู้ไปจริง ที่กู้เพียง 230,000 บาท ซึ่งมียอดเพิ่มขึ้นมากถึง 650,000 บาท ตนจึงไม่เซ็นรับสภาพหนี้ยอดดังกล่าว พร้อมขอถ่ายสัญญาเงินกู้ที่ทำไว้กับทางสหกรณ์

แต่ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์คือนางจีระนันท์ สิงห์งอย ได้นำสัญญาเงินกู้ เลขที่ 59/65 ลงวันที่ 31 พ.ค. 2565 มาให้ดู ทำให้ตนรู้ทันทีว่ามีการกรอกตัวเลขเงินกู้ขึ้นมาใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นางจีระนันท์ได้ให้ตนเซ็นชื่อไว้ในแบบฟอร์มสัญญาเงินกู้ฉบับเปล่า โดยยังไม่ได้กรอกข้อความใดๆ ด้วยความไว้ใจกันเนื่องจากเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่จึงได้เซ็นไว้ให้ โดยไม่คิดว่าจะมีการกรอกตัวเลขเงินกู้เพิ่มจากที่กู้จริงภายหลัง ซึ่งหากมีการกู้เงินจากสหกรณ์จริงตามสัญญา ก็ต้องมีการหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้คืนให้กับสหกรณ์ตั้งแต่ปี 2565 แล้ว


ขณะที่ทางสหกรณ์เพิ่งมาหักเงินเดือนตนเพิ่มจากหนี้เดิมในเดือนตุลาคม 2566 นี้เอง ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งปีนับจากที่กู้ตามสัญญาเงินกู้ ที่ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 และหลังจากนั้นก็มีการประชุมสมาชิกสหกรณ์อีก 2-3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะมีเสนาธิการ มทบ.210 เป็นประธาน และได้ข้อสรุปในที่ประชุมว่าให้ลูกหนี้ที่มีชื่ออยู่ในสัญญาเงินกู้ต้องยินยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้กับสหกรณ์และจะขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปให้อีก 300 งวด และก็มีการเริ่มหักเงินเดือนของตนเพิ่มทันที จากที่เคยถูกหักเดือนละ 5,170 บาท เพิ่มเป็นเดือนละ 12,580 บาท ทำให้ตนไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้กับเงินเดือนที่เหลืออยู่เพียงสามพันกว่าบาทเท่านั้น

หรือหากจะมีการขยายเวลาออกเป็น 300 งวดตนก็ต้องเป็นหนี้ต่อไปอีกถึง 25 ปี ตนเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยมีรายได้จากเงินเดือนไม่กี่บาท ที่ผ่านมาตนก็พยายามวางแผนทางด้านการเงินและใช้จ่ายตามฐานะโดยพยายามกู้เงินแต่พอเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ตนขอยืนยันว่าไม่ได้กู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 ยอดสูงถึงแปดแสนบาทแต่อย่างใด และถ้าจะต้องถูกหักเงินเดือนถึงเดือนละ 12,580 บาทเพื่อชำระหนี้ที่ตนไม่ได้กู้ ตนก็ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขแน่นอน

ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ให้เอาผิดนางจีระนันท์ สิงห์งอย เจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ มทบ.210 และผู้ร่วมขบวนการในการปลอมแปลงเอกสารที่เป็นสัญญาเงินกู้ดังกล่าวโดยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ตนทราบข่าวจากเพื่อนสมาชิกสหกรณ์ด้วยกันว่ายังมีกรณีแบบตนเกิดขึ้นอีกนับสิบราย บางรายไม่ได้กู้เงินเลยแต่กลับมีสัญญาเงินกู้ถึงสองฉบับ แต่ละรายมียอดกู้สูงถึงห้าหกแสนบาท ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้มูลค่าความเสียหายน่าจะมากกว่า 10 ล้านบาท


ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไป ที่ทำการสหกรณ์ออมทรัพย์ทหารบก มณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จังหวัดนครพนม โดย พ.อ.สุดเขตต์ พลยะเรศ เสธ.มทบ.210 ตำแหน่งประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ทหารบกจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ทันทีที่ทราบเรื่องร้องเรียนทางคณะกรรมการของสหกรณ์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ร่วมกับนายทหารพระธรรมนูญ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องภายในสำนักงานสหกรณ์พร้อมทั้งสมาชิกที่ร้องทุกข์เพื่อสอบข้อเท็จจริงทันที พบว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนในสหกรณ์ได้ทำการบันทึกข้อมูลแก้ไขข้อความอันเป็นเท็จส่อทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่

โดยเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดคนดังกล่าวก็ได้ยอมรับสารภาพจึงได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการรวบรวมเอกสารการกระทำผิดต่างๆ เพื่อยื่นแจ้งความดำเนินคดีภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ข้อหายักยอกฉ้อโกงทรัพย์ต่อเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์รายดังกล่าว




สำหรับ สิบเอก ชิษณุพงศ์ สัตตะโส พลสารวัตรร้อย สห. มทบ.210 จากการตรวจสอบลายเซ็นในเอกสารต่างๆ ๅม่มีการปลอมแปลงแต่อย่างใด พบเพียงในเอกสารมีรายการแก้ไขข้อมูลรวมถึงกรอกข้อมูลรายละเอียดบางรายการอันเป็นเท็จและไม่ได้เซ็นชื่อกำกับไว้แต่อย่างใด โดยทางสหกรณ์ก็ได้ทำการอธิบายให้ สิบเอก ชิษณุพงศ์หรือชื่อเดิมรังสรรค์ สัตตะโส จนเป็นที่เข้าใจแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ทางผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้ยืดขยายสัญญาการผ่อนชำระหนี้ ให้จาก 200 งวด ออกเป็น 300 งวด เพื่อให้มีสภาพคล่องต่อการดำรงชีพตามสมควร

อย่างไรก็ตาม สำหรับวงเงินกู้จำนวน 8 แสนบาท ทาง สิบเอก ชิษณุพงศ์ สัตตะโส คงต้องฟ้องร้องทางแพ่งเจ้าหน้าที่สหกรณ์คนดังกล่าวด้วยตนเอง เนื่องจากการทำธุรกรรมนี้ทางนางจีระนันท์รับว่าดำเนินการแก้ไขตัวเลขเงินกู้โดยพลการ เมื่อทางผู้บริหารพบการกระทำผิดจึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยตนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะมีการสมรู้ร่วมคิดกันทั้งสองฝ่าย และเมื่ออีกฝ่ายต้องรับผิดชอบใช้หนี้คนเดียวจึงออกมาร้องเรียนดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น