xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป)เปิดใจเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์-บิตคอยน์ “จีนเทา”! นาทีหนีภัยสงครามรัฐฉานเหนือ โกกั้ง-ว้าช่วยพารอดตายกลับไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - เปิดใจเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์-แก๊งบิตคอยน์ “จีนเทา”..เผยนาทีหนีภัยสงครามรัฐฉานเหนือ จากนรกเมืองเล้าก์ก่าย เสียงระเบิด-จรวดข้ามหัวไปมา เข้าเขตว้าถึงได้กินอิ่มนอนอุ่น ถึงเชียงตุง-พม่า อยู่ร่วมกับชาวจีนอีกหลายร้อย ก่อนได้รับการช่วยเหลือกลับไทย ขอบคุณทัพโกกั้ง-ว้าพารอดตาย


กรณีคนไทยที่ไปทำงานในเขตปกครองตนเองโกกั้ง รัฐฉานตอนเหนือ ประเทศเมียนมา ได้หลบหนีการสู้รบระหว่างกองกำลังเมียนมากับพันธมิตรชนกลุ่มน้อยคือ กองทัพโกกั้ง (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) และกองทัพยะไข่ (AA) และได้รับการช่วยเหลือให้กลับประเทศไทยกลุ่มแรกเมื่อวันที่ 18 พ.ย. จำนวน 41 คน กลุ่มที่ 2 เมื่อวันที่ 19 พ.ย. จำนวน 266 คน และกลุ่มที่ 3 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. จำนวน 24 คน

หลังจากทั้งหมดได้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่และมีการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ทางทีมประสานงานช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ภาคประชาชน ซึ่งประกอบด้วยหลายองค์กรได้สัมภาษณ์ผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานในกลุ่มแรก

นายกร (นามสมมติ) หนึ่งในแรงงานไทยหนีตายสงครามโกกั้ง กล่าวว่า ถูกหลอกไปทำงานร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองโกกั้ง โดยถูกบังคับให้พักอยู่ที่ตึกหมายเลข 9 ในห้องนั้นอยู่กัน 15 คน และมีล่ามคนไทยซึ่งถูกบังคับให้ทำงานเช่นกันอยู่ด้วย ซึ่งเขาก็อยากกลับบ้านและคอยอ่านข่าวสารต่างๆ แล้วเอามาเล่าให้กำลังใจพวกเรา พร้อมบอกว่าพวกเรากำลังจะได้กลับประเทศไทยในเร็วๆ นี้แล้ว

และแล้ววันที่ 20 ต.ค. 2566 ได้มีเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปช่วยเหลือคนในตึก แต่หนีออกมาได้เพียงร้อยกว่าคนและมีคนที่ยังตกค้างอีกจำนวนหนึ่ง กระทั่งวันที่ 27 ต.ค. 2566 กองกำลังฝ่ายพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการโจมตีกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์ของทุนจีนเทาที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในล่าเสี้ยวและเล้าก์ก่าย ผู้คนในพื้นที่ต่างทยอยอพยพ ขณะที่อาหารและของใช้ขึ้นราคาเมื่อมีสงคราม

จนถึงวันที่ 9 พ.ย.พวกตนยังถูกขังอยู่ในตึก สังเกตเห็นรถยนต์ขับไปจอดอยู่เต็มหน้าตึกของกลุ่มหัวหน้าหรือบอสชาวจีนและมีการขนย้ายข้าวของเพื่อจะหลบหนี โดยน้องสาวตนที่ถูกหลอกไปด้วยกันถูกบังคับให้ไปทำลายหลักฐานในตึกตั้งแต่เวลา 01.00-05.00 น. เมื่อแล้วเสร็จเธอก็กลับมา จากนั้นพวกตนในห้องทั้ง 15 คนก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับออกไปก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงบอยู่พักใหญ่ จึงได้พากันชะโงกดูทางหน้าต่างก็พบเริ่มมีคนเดินออกจากตึก พวกตนจึงตัดสินใจหนีและเป็นอิสระในที่สุด

น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อีกหนึ่งสาวไทยหนีตายจากเล้าก์ก่าย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.หลังจากที่วิ่งหลบหนีออกจากตึกแล้วได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ 41 คน (ได้รับการช่วยเหลือกลับไทยชุดแรก) และให้ขอให้คนในกลุ่มที่พูดภาษาจีนได้เดินนำหน้าเพื่อสอบถามเส้นทางหลบหนีไปทางเมืองล่าเสี้ยว และหาทางจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ไทย

“ช่วงที่วิ่งหนีอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย ก็ยังระแวงว่าคนในตึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตามมาจับตัวกลับไป ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง โดยหัวหน้าแก๊งในตึกคนหนึ่งวิ่งตามมา แต่พวกตนมีมากกว่าจึงฮือล้อมและแย่งทำลายวิทยุสื่อสารเพื่อไม่ให้เรียกพรรคพวกมาเพิ่ม จากนั้นก็พากันวิ่งหนีต่อและจ้างรถจักรยานยนต์คนละ 1,000 หยวน ให้พาออกจากเมืองเล้าก์ก่ายประมาณ 4-5 กิโลเมตร แล้วลงเดินต่อจนพบทหารหน่วยหนึ่ง ตกใจมาก แต่เมื่อสอบถามทราบว่าเป็นกองทัพโกกั้ง (MNDAA) ที่พูดภาษาไทยได้และให้การช่วยเหลือพวกตน เตือนให้ระวังระเบิดและอันตรายอื่นๆ ก่อนชี้ให้หนีไปตามเส้นทางผู้อพยพ”

น.ส.แก้วกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบมีทหารลงจากภูเขามาเป็นจำนวนมาก ตามเส้นทางอพยพพวกตนยังพบชาวพม่าที่บอกว่าพวกเขาลี้ภัยมานาน 5 วันแล้ว ช่วงนั้นยังมีเสียงระเบิดและจรวดข้ามหัวไปมา ดังนั้นหลังได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพโกกั้ง (MNDAA) พวกตนจึงเดินทางต่อไปจนเข้าเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า)

จากนั้นก็มีรถของทหารว้าเข้าไปรับและพาไปยังเมืองหนานเติ้ง เพื่อให้พักในตึกที่มีห้องนอนอย่างดี มีที่นอน ชุดนอน ฯลฯ ทั้งยังอนุญาตให้ออกไปซื้อวัตถุดิบในเมืองมาปรุงอาหารกันเอง รวมทั้งมีบุคคลระดับผู้นำเดินทางไปเยี่ยมเยียน สอบถามสารทุกข์สุกดิบ ถามแม้กระทั่งว่ามีคนตั้งครรภ์หรือไม่ด้วยทำให้พวกตนโล่งใจมาก

“ทหารว้ายังเอาเนื้อหมูมาให้เป็นเสบียง แต่มีบางคนนับถือศาสนาอิสลาม ทหารว้าจึงนำเนื้อมาให้แทน พวกตนจึงได้รับการดูแลอย่างดีจนกระทั่งได้รับแจ้งว่าจะพากลับประเทศไทยและมีการพาพวกตนเดินทางต่อด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงจึงถึงเมืองป๊อกเขตแดนระหว่างเมียนมา-ว้า และได้พักในโรงแรมเตียงคู่ห้องละ 2 คน มีอาหาร อินเทอร์เน็ต และมีการดูแลอย่างดีเช่นเดิม ในวันสุดท้ายทหารว้ายังให้พวกตนเข้าไปสั่งอาหารทานที่ร้านแห่งหนึ่งได้ตามใจชอบฟรีด้วย”

และวันเดินทางออกจากเขตของว้า มีการจัดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่นับ 10 คันไปรับ โดยให้นั่งคันละ 3-4 คน มีตำรวจขับให้และมีหน่วย S.W.A.T. นำหน้าเป็นขบวน จนถึงเมืองยางก็จะมีเจ้าหน้าที่เมียนมารับช่วงต่อ ระหว่างนั้นทหารว้าพูดเป็นภาษาไทยกล่าวอำลาพวกตนและชวนวันหลังให้กลับมาเที่ยวเขตว้าอีก

“ทุกคนตื้นตันใจมาก บางคนน้ำตาไหลเพราะไม่เคยคิดว่าจะได้รับการดูแลดีจากทั้งกองทัพโกกั้ง (MNDAA) และทหารว้า ทำให้รอดกลับบ้านได้อย่างรวดเร็วเกินคาด" น.ส.แก้วกล่าว

ต่อมาทหารเมียนมาก็พาพวกตนเดินทางต่อไปจนถึงเชียงตุง เมื่อถึงที่พักก็สั่งให้นำของมีค่าที่ติดตัวฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นให้เข้าที่พัก มีน้ำให้ดื่ม 1 ถังต่อ 23 คน และมีการเรียกเก็บค่าอาหารล่วงหน้าคนละ 1,000 บาทเป็นเวลา 7 วัน อย่างไรก็ตามทหารเมียนมาบางคนก็ใจดีแอบออกไปซื้ออาหารมาให้

“ตอนอยู่เชียงตุง พวกเราต้องอยู่ร่วมกับชาวจีนอีกกว่า 300-400 คน โดยนอนแออัดในห้องแคบๆ ห้องละเกือบ 100 คน ท่ามกลางอากาศหนาวและไม่มีผ้าห่ม หลายคนโดยเฉพาะชาวจีนถูกทำร้ายร่างกายด้วยการตีและฟาดอย่างหนักมาก กระทั่งวันที่ 18 พ.ย.พวกเราจึงถูกส่งมาท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และเดินกลับประเทศไทยทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยที่หลายคนไม่ได้รับทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนซึ่งมีมูลค่านับแสนบาท”



ด้านนายวิทย์ (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนและน้องสาวพร้อมแฟนของพวกตนรวม 4 คน ถูกหลอกว่าจะให้ไปทำงานด้านการตลาดที่เมืองล่าเสี้ยว ประเทศเมียนมา จึงพากันถือพาสปอร์ตนั่งเครื่องบินไปยังเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

เมื่อไปถึงมัณฑะเลย์ก็มีรถตู้ที่มีเด็ก 2-3 ขวบและผู้หญิงนั่งอำพรางในรถ มารับและพาไปถึงเมืองล่าเสี้ยว โดยถูกคนใช้ผ้ามาคลุมศีรษะและระหว่างทางมีการเปลี่ยนรถหลายครั้ง ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ก็ไปถึงเมืองเล้าก์ก่าย จากนั้นมีหัวหน้างานบอกให้พวกตนทำงานร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ยอมต้องเสียเงินค่าไถ่คนละ 500,000 บาท

แต่เมื่อตนจะโทรศัพท์แจ้งให้ญาติโอนเงินไปให้กลับไม่ยินยอม และถูกแยกให้อยู่คนละที่ จากนั้นสอนวิธีเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ยอมก็จะพาไปห้องมืดซึ่งมีคนจีนและเวียดนามราว 4 คน ถูกใส่กุญแจมือ ถูกตี อดอาหารและทนทรมานอย่างหนักทำให้พวกตนกลัวมาก


"ผมอยู่ตึกหมายเลข 9 เช่นกัน ในห้องมีคน 14-15 คน มีคนเสพยาเสพติดด้วยเพราะหาซื้อกันได้ทั่วไปทั้งเคตามีน ยาบ้า ไอซ์ ฯลฯ ฝั่งของผมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีอยู่ประมาณ 50 คน ส่วนอีกฝั่งของตึกเป็นแก๊งบิตคอยน์มีประมาณ 100 กว่าคน มีทั้งชาวเมียนมา จีน เวียดนาม ไทย ลาว พวกบอสขู่พวกผมว่าไม่ต้องแจ้งความ เพราะถ้าแจ้งรายชื่อจะไปปรากฏที่บริษัท มีตัวอย่างน้องผู้หญิงคนหนึ่งบอกญาติไปแจ้งความได้ถูกตีและฟาดด้วยท่อเหล็กและไม้เบสบอลเหล็ก ถูกช็อตไฟฟ้า มีเสียงกรีดร้อง เมื่อปฐมพยาบาลฟื้นขึ้นมาก็ตีซ้ำอีก มันตีเหมือนเราไม่ใช่คน มันประกาศอีกว่าถ้ามันไม่เหลืออะไรก็จะฆ่าคนไทยทุกคน" นายวิทย์กล่าว

สุดท้ายคนไทยหลายคนในกลุ่ม 41 คน ต่างแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (TBC) ฝ่ายไทย กองทัพโกกั้ง (MNDAA) และที่สำคัญคือเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ที่เมืองหนานเติ้ง ที่ดูแลอย่างดีและพวกเขาจินตนาการไม่ได้ว่าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือดังกล่าวจะออกจากเขตสู้รบและกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างไร โดยคนหนึ่งแสดงข้อความว่า...

"我们是 41 名从老街市移民而来的泰国人。 我谨代表这41位泰国人民,向南邓佤邦特区有关机构和大家致以深深的谢意和诚挚的感谢。 如果没有佤邦特区机构的帮助 你们的机构和城市对我们泰国人照顾得很好,无论是吃的、住的,还是各种服务。 没有佤邦机构的帮助 我们是41个泰国人不会安全的来到泰国, 我衷心感谢你们,并且非常感激。 我这次的感激之情可能无法报答你们佤邦特区城市的感激之情。 但我想代表为泰国41人表达我们发自内心的感激之情。 最后我想说,佤邦特区是一座干净城市、宜人的城市。 这里的人们可爱、友好、有礼貌,非常欢迎像我们这样的游客。 我的中文可能不正确,在这里为您们道歉。

..“ผมในนามตัวแทนคนไทยจำนวน 41 คน ที่อพยพมาจากเมืองเล้าก์ก่าย ขอแสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้งด้วยใจจริงให้กับทางหน่วยงานและทุกคนที่เกี่ยวข้องของทางเขตปกครองพิเศษว้าที่เมือง Nandeng หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางหน่วยงานของเขตปกครองพิเศษว้า และเมืองของท่านดูแลพวกเราคนไทยเป็นอย่างดีไม่ว่าอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย รวมถึงการบริการต่างๆ พวกเราคนไทยทั้ง 41 คน ก็ไม่สามารถกลับถึงประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยครบทุกคน

ความรู้สึกขอบคุณของผมครั้งนี้อาจไม่สามารถตอบแทนบุญคุณให้กับทางหน่วยงานของท่านได้หมด แต่ผมก็ขอเป็นตัวแทนของกลุ่มคนไทยทั้ง 41 คน เพื่อแสดงความรู้สึกขอบคุณที่ออกมาจากใจของพวกเราทุกคน สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าเขตปกครองพิเศษว้าเป็นเมืองที่สะอาดน่าอยู่ ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง มีมารยาท และให้การต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างพวกผมเป็นอย่างดี ภาษาจีนของผมอาจจะใช้ได้ไม่ถูกต้อง ขออภัยมา ณ ที่นี้"




กำลังโหลดความคิดเห็น