ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารน่าห่วง ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย เฉพาะ รพ.ขอนแก่นยังไม่ทันสิ้นปี 66 พบผู้ป่วยเข้ารักษาแล้วกว่า 1,500 ราย มากกว่าตัวเลขตลอดทั้งปีของปี 65 ผู้ตรวจฯ กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 แนะทางป้องกันที่ดีที่สุดคือรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและงดดื่มแอลกอฮอล์
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่โรงแรมเจริญธานี ขอนแก่น นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคที่น่าเป็นห่วงอีกโรคหนึ่งในขณะนี้คือภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร โดยได้รับรายงานว่าปีนี้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้ว กรณีตัวอย่างกรณีของโรงพยาบาลขอนแก่นทราบว่ายังไม่ทันสิ้นปีก็พบตัวเลขผู้ป่วยเลือดออกในกระเพาะอาหารก็มากกว่าปีที่แล้ว อันที่จริงโรคนี้สามารถป้องกันได้ คนทั่วไปไม่ควรจะเป็น ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีแค่ไหน
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ ปัจจัยหนึ่งเพราะการรับประทานยาบางชนิดที่เราไปซื้อกิน เช่น ยาห่อ ยาต้ม มีสารบางอย่างหรือตัวยาบางอย่างทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหารได้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ส่งผลให้มีภาวะตับแข็ง สุดท้ายก็จะเกิดภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ โดยสรุปแล้วภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือเลือดออกทางเดินอาหารส่วนบน สามารถป้องกันได้แทบทั้งหมด เมื่อเป็นแล้วการรักษาค่อนข้างซับซ้อนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ส่วนหนึ่งต้องผ่าตัดและต้องได้รับเลือด
“ทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เป็นภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นแล้วต้องรักษาให้ยุ่งยาก ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์” นพ.ธนรักษ์กล่าว
ขณะที่ นพ.นิติเทพ หลายทวีวัฒน์ นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะเลือดออกทางเดินอาหารตอนบนหรือกระเพาะอาหาร ตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อปีที่แล้วประมาณ 1,500 ราย แต่ในปีนี้ยังไม่ทันครบรอบปี จำนวนผู้ป่วยที่ประสบกับภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารก็นี้มากกว่า 1,500 รายแล้ว
ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกฯดังกล่าวประมาณร้อยละ 4-5 ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญทำให้มีจำนวนผู้ป่วยฯเพิ่มมากขึ้นคือภาวะตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วงนี้เป็นหน้าเทศกาลการดื่มฉลองจะมีความถี่เป็นพิเศษ ดังนั้นจึงอยากฝากเตือนให้พี่น้องประชาชน ลดการดื่มแอลกอฮอล์ คือดื่มให้น้อยลง จะป้องกันได้มาก
“ผู้ป่วยภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหากผ่าตัดต้องมีการเติมเลือด โรงพยาบาลต้องสำรองเลือดเพิ่มมากขึ้นนอกเหนือจากรองรับคนเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนมาช่วยบริจาคเลือดกับโรงพยาบาลกันให้มากขึ้น ใกล้สิ้นปีแล้วต้องสำรองเพื่อใช้สถานการณ์ฉุกเฉินมากกว่าปกติ” นพ.นิติเทพกล่าวทิ้งท้าย