นครปฐม - ห่วงสังคม อาจารย์น้องไนซ์ เกิดประเด็นถูกจับตามากขึ้น หลังนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย เผยคาดมีกลุ่มผู้ใหญ่ให้ความรู้เด็กแบบผิดๆ มาเผยแพร่ในสังคม ทำให้สังคมผิดเพี้ยน ย้ำกำลังตรวจสอบว่ามีการจัดคอร์สอบรมมีการบริจาคเงินจะเข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่ หากมีมูลพร้อมเดินหน้าแจ้งความเอาผิด
จากกรณีลูกศิษย์และผู้ศรัทธาอาจารย์น้องไนซ์ นำโดย ทนายธรรมราช ได้เดินทางไป กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกลุ่มที่นำภาพของอาจารย์น้องไนซ์ไปตัดต่อบิดเบือนข้อมูลนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวหาว่า อาจารย์น้องไนซ์ไม่ชอบคนอีสาน ซึ่งอาจจะสร้างความแตกแยกในสังคมและทำให้เกิดความเกลียดชังในสังคม โดยมีการไลฟ์สดผ่านเพจ "นิรมิตเทวาจุติ" เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยมีความเห็นในเรื่องดังกล่าวแตกออกเป็นหลายฝ่าย และมีความเห็นที่มองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเกี่ยวกับความเข้าใจและข้อมูลในทางพระพุทธศาสนาในสังคมอีกครั้งหนึ่ง
นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ ในฐานะนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า วันนี้ทราบข่าวว่ามีกลุ่มคนได้เข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษในการนำข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประเด็นนั้นตนไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ประเด็นที่มีการติดตามเพจดังกล่าวและข้อมูลมาระยะหนึ่งนั้น พบว่า เป็นเรื่องที่น่าห่วงในสังคม เนื่องจาก ตนได้เฝ้ามองมาระยะหนึ่งแล้ว สังเกตได้ว่าสังคมไทยมีกลุ่มคนส่วนหนึ่งไปอุปโลกน์เด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบขึ้นมาว่า เป็นผู้รู้ทางด้านพระพุทธศาสนา เป็นผู้สอนศาสนา เป็นผู้สอนในการนั่งสมาธิ เป็นผู้รู้ในเรื่องอริยสัจสี่ รู้เรื่องเกี่ยวกับพระศรีอารยะ ฟังทุกคลิปมั่วทุกคลิปผิดหลัก ซึ่งเรื่องของการศรัทธาการเคารพเราไม่ว่ากัน แต่อย่าหลงประเด็นในคำสั่งสอนว่าเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะมันไม่ใช่
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวอีกว่า เท่าที่ฟังมาในเรื่องการสอนการนั่งสมาธิ เป็นการสอนผิด เพราะในหลักคำสอนของศาสนาพุทธไม่มีคำว่าเชื่อมจิต พระพุทธเจ้าสอนในเรื่องอานาปานสติ เท่าที่ดูน่าจะเกิดจากการที่ผู้ใหญ่น่าจะเอาข้อมูลและคำสอนที่ผิดไปใส่ในสมองเด็กเพราะผู้ใหญ่ไม่รู้เรื่องธรรมะ เมื่อเอาความรู้ที่ผิดไปใส่สมองให้เด็ก เด็กออกมาสอนก็เอาที่ผิดออกมาพูดด้วย และมีคำสอนแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย และเท่าที่ทราบ ดูแล้วผู้ใหญ่เหล่านี้มีการจัดให้มีการสอนเชิญไปอบรมตามโรงแรมต่างๆ และมีการคิดเงินด้วย และสังคมกำลังเกิดความสับสนและแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของสังคมไทย ซึ่งขาดที่พึ่งและเข้าหาที่พึ่งทางใจ มองแล้วเป็นการประดิษฐ์ธรรมะขึ้นมาใหม่ เช่น เรื่องการเชื่อมจิตเพราะในพุทธศาสนาไม่เคยมีการสอนเรื่องเชื่อมจิตเพราะมันไม่มี และการนั่งสมาธิเห็นนั่นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องจริง พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอานาปานสติคือการกำหนดลมหายใจ ให้ใจเป็นสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา กลุ่มคนเหล่านี้อุปโลกน์เด็กขึ้นมาเอาศรัทธานำหน้า เอาปัญญาตามหลัง และนำสิ่งเหล่านี้ไปเผยแพร่ทั่วประเทศ และจะเกิดลัทธิวิปริตวิปลาสขึ้นมาใหม่
"ขณะนี้ผมกำลังตรวจสอบเพราะว่าบางคลิป มีการให้เงินมีการบริจาคเงิน กำลังมีการตรวจอยู่ว่า การให้ข้อมูลผิดๆ และมีการเรียกเงินเรียกทองและได้มาซึ่งทรัพย์สินจะมีการเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หากพบว่ากิจกรรมดังกล่าวที่ผู้หลักผู้ใหญ่มีการจัดขึ้น หากเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนจะมีการร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีต่อไป" นายศุภภัทร์พจน์ กล่าว
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด และคณะสงฆ์มีความจำเป็นต้องตื่นตัวกับเรื่องนี้ ต้องชี้แนะตรวจสอบ จะบอกว่าเป็นความเชื่อถือศรัทธาของคนกลุ่มใดคนหนึ่งไม่ได้ เพราะมีการเผยแพร่ไปทั่วประเทศ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งเรื่องอริยสัจสี่ก็ว่ากันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องการนั่งสมาธิเชื่อมจิต เหล่านี้ไม่ใช่เป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้ที่ตนต้องมาพูด เพราะว่าต้องแสดงเจตนาในการยืนหยัดในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้า FC หรือแม่ยกจะมองว่าเหล่านี้เป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้าก็ว่ากันมา ตรงไหนที่พระพุทธเจ้าให้เข้าไปหาสมเด็จพระศรีอารยะมันไม่มี ต้องเอาศรัทธานำหน้าและอย่าเอาคนตาบอดจูงคนตาบอดสังคมจะยิ่งถอยหลังในเรื่องของพระพุทธศาสนา
