ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ป่วน! โจ๋สถานพินิจโคราชก่อเหตุจลาจล หลังเยาวชนชาย 2 แก๊ง เขม่นกัน เข้าตะลุมบอนและใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงกัน บาดเจ็บ 4 ราย จนท.จับหัวโจกขังเดี่ยวทำไม่พอใจจึงก่อจลาจลขึ้น ล่าสุด ตร.ปราบจลาจลเข้าระงับเหตุ รวบ 27 รายส่งเรือนจำ ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ว่า มีกลุ่มเยาวชนชายได้ก่อเหตุจลาจลภายในหอกักบริเวณ ภายในศูนย์ฯ และเกรงว่าเหตุการณ์อาจบานปลาย เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯ จึงได้ขอกำลังสนับสนุนมาควบคุมสถานการณ์
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของศูนย์ฝึกฯ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ทราบว่า เหตุการณ์จลาจลภายในศูนย์ฯ ครั้งนี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มเยาวชนชาย 2 กลุ่ม ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในบริเวณหอกักได้เกิดการเขม่นกัน และได้เข้าตะลุมบอนทำร้ายร่างกายกัน และได้มีการใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงกันจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยเหลือนำเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา แล้วได้ควบคุมตัวเยาวชนหัวโจก 1 ราย ไปขังเดี่ยว ทำให้เยาวชนที่เป็นฝ่ายของหัวโจกซึ่งถูกขัง ไม่พอใจ พากันก่อเหตุจลาจลขึ้น เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวหัวหน้าแก๊ง ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ซึ่งขณะเกิดเหตุกลุ่มเยาวชนชายที่ก่อเหตุมีอยู่ด้วยกันหลายสิบคน กำลังเจ้าหน้าที่จึงยังไม่สามารถเข้าไประงับเหตุได้เพราะเกรงจะเกิดอันตราย เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงแค่วางกำลังควบคุมอยู่โดยรอบบริเวณเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายมากขึ้น
จนกระทั่งล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังหลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่จากเรือนจำคลองไผ่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่หน่วยสวาท ตำรวจภูธรภาค 3 เข้าไปปราบจลาจล กระทั่งเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด และสามารถควบคุมตัวกลุ่มเยาวชนผู้ก่อเหตุจลาจลได้ทั้งหมด จำนวน 27 ราย จึงนำขึ้นรถควบคุมออกจากศูนย์ฝึกฯ ไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่ และตรวจค้นอาวุธภายในหอกักบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก
