เชียงใหม่ - นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ชี้นโยบายรัฐบาลขยายเวลาเปิดบริการถึง 04.00 น.ส่งผลดีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ อย่างไรก็ตามยอมรับคงไม่เหมาะสมหากให้ขยายเวลาเปิดได้ทั่วพื้นที่ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความเข้มแข็งด้านวิถีชีวิตวัฒนธรรม แนะทางออกควรจัดโซนนิ่งเป็นพื้นที่เฉพาะ ตอบโจทย์สร้างรายได้เพิ่มจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักท่องเที่ยวท้องถิ่น ชู “ไนท์บาซาร์” มีความเหมาะสมที่สุดและส่งผลกระทบน้อยที่สุด เหตุเป็นย่านที่มีบริบทสอดคล้องกับการใช้ชีวิตยามค่ำคืนและเป็นย่านโรงแรมที่พักอยู่แล้ว
นายธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงนโยบายขยายเวลาเปิดบริการสถานบันเทิงถึง 04.00 น.นำร่องใน 4 จังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี, ภูเก็ต และเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวว่า ถือเป็นนโยบายและมาตรการที่มีวัตถุประสงค์ที่ดีที่จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งอาชีพต่างๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องมีรายได้เพิ่มขึ้นและได้รับประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีร้านอาหารกว่าหมื่นร้าน และสถานบริการกว่าพันแห่ง สร้างรายได้คิดเป็น 7-8% ของ GDP จังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม การที่จังหวัดเชียงใหม่มีความเข้มแข็งด้านวิถีชีวิตวัฒนธรรม ตลอดจนมีความหลากหลายของผู้คนที่อยู่ร่วมกันผสมผสานกันทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นก่อน มองว่าการขยายเวลาเปิดบริการถึง 04.00 น.ทั่วพื้นที่ทั้งจังหวัดเชียงใหม่อาจจะสุดโต่งเกินไป และไม่เหมาะสม รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อผู้คนและวิถีชีวิตได้หลายด้าน
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ เห็นว่าแนวทางที่เหมาะสมนั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่ควรจะทำการจัดโซนนิ่งให้มีพื้นที่เฉพาะสำหรับสถานบริการที่จะเปิดได้ถึงเวลา 04.00 น. โดยต้องพิจารณาในประเด็นสำคัญที่ว่าการขยายเวลาเปิดถึง 04.00 น.นั้น เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักเที่ยวท้องถิ่น ที่เป็นวัยทำงานและนักศึกษา ตลอดจนการขยายเวลาดังกล่าวนี้จะต้องส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย ซึ่งจากการพิจารณาพื้นที่ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่แล้วเห็นว่าย่านไนท์บาซาร์ ถนนช้างคลาน และถนนลอยเคราะห์ น่าจะมีความเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีบริบทสอดคล้องกับการใช้ชีวิตยามค่ำคืนและเป็นย่านโรงแรมที่พักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงจะส่งผลกระทบต่อผู้คนและชุมชนน้อยที่สุด
นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังอยู่ในจุดที่มีสินค้าบริการต่างๆ ที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกันด้วย เช่น ร้านจำหน่ายของที่ระลึก, รถรับจ้าง เป็นต้น ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์ร่วมกันและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดีด้วย ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการที่อยู่พื้นที่นอกตัวเมืองนั้น มองว่าเพียงแค่ขยายเวลาเปิดบริการจากเดิมต้องปิด 24.00 น. เป็น 01.00 น.หรือ 02.00 น. โดยสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้น่าจะเหมาะสมและเพียงพอแล้ว ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้ทางสมาคมฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้ทางจังหวัดเชียงใหม่เพี่อประกอบการพิจารณาแล้ว และเท่าที่มีข้อมูลนั้น ทราบทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องของการโซนนิ่งควบคู่กันมาอยู่แล้วเช่นกัน โดยมอบหมายให้ทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการรวบรวมข้อมูล
นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ย้ำว่า การจัดโซนนิ่งดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดเป็นพิเศษ แต่เป็นการกำหนดกติการ่วมกันให้ผู้ประกอบการที่ต้องการจะเปิดบริการถึง 04.00 น.ต้องย้ายมาเปิดบริการในพื้นที่โซนนิ่ง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อผู้คน รวมทั้งตอบโจทย์แท้จริงของนโยบายขยายเวลาเปิดบริการสถานบันเทิงถึง 04.00 น. ที่ต้องการสร้างรายได้เพิ่มจากนักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักท่องเที่ยวท้องถิ่น ซึ่งเรื่องการจัดโซนนิ่งนั้น จังหวัดท่องเที่ยวนำร่องอื่นๆ ทั้งกรุงเทพฯ, ชลบุรี และภูเก็ต มีอยู่แล้ว แต่เชียงใหม่ยังไม่มี โดยในระหว่างรอการทำโซนนิ่งของเชียงใหม่นั้น ในระยะเร่งด่วนอาจจะขยายเวลาการเปิดให้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เป็นถึง 01.00 น.หรือ 02.00 น.ไปก่อน ส่วนที่หลายฝ่ายห่วงว่าอาจจะเกิดปัญหาสังคมหรือปัญหาอื่นๆ ตามมาจากการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงนั้น เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีมาตรการกวดขันอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการจัดโซนนิ่งแล้ว เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาหรือมีน้อยมาก