เชียงใหม่ - สาวเจ้าของห้องพักคอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองเชียงใหม่สุดทนฝรั่งต่างชาติเช่าห้องพักรายวัน ตะบี้ตะบันสูบกัญชาส่งกลิ่นรบกวนหนัก ทำให้ลูกชายวัย 4 ขวบมีอาการแพ้หนักถึงขั้นล้มป่วยต้องหามส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วน เสียค่ารักษากว่า 1.7 หมื่นบาท ขณะที่คู่กรณีไม่เหลียวแล และไร้การช่วยเหลือเยียวยา วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องทบทวนการเปิดเสรีกัญชาสร้างความเดือดร้อนรำคาญและส่งผลกระทบให้ผู้อื่น
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Arpapan Jaiman” ได้โพสต์ข้อความว่า #ช่วยแชร์กันหน่อยค่ะ ใครก็ได้ขอให้มันมี ผลต่อกฎหมายหน่อยค่ะ เราได้รับความเดือดร้อนจากคอนโดฯ ข้างห้องโดยที่มีต่างชาติเพิ่งมาเช่าคอนโดฯ และได้มั่วสุมดูดกัญชาจนส่งกลิ่นโถงทางเดินส่วนกลาง ทำให้ลูกชายต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเรียกรถฉุกเฉิน ลูกชายไม่ได้สติและพูดจาไม่รู้เรื่อง เกิดอาเจียน 3 รอบเนื่องจากได้รับกลิ่นกัญชาข้างห้องแต่กฎหมายไทยไม่สามารถทำอะไรได้เลย ว่ามีคนเปลี่ยนแปลงกฎหมายทำให้กัญชงกัญชามีเสรี แม้แต่จะแจ้งความก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เราได้รับความเสียหายจากคนดูดกัญชา เราได้จ่ายค่าโรงพยาบาลไปและเจ้าของห้องและผู้เช่าไม่ยอมชดใช้ค่าโรงพยาบาล เราจะทำยังไงได้บ้างขอให้มีประโยชน์ต่อเรื่องนี้เถอะ กลัวว่าในอนาคตถ้าเกิดไม่ใช่แค่ลูกเราหรือคนอื่นที่ได้รับกลิ่นกัญชาถึงขั้นเสียชีวิต จะทำยังไงต่อไป #สายไหมต้องรอด #กันจอมพลัง #โหนกระแส พร้อมโพสต์ภาพลูกชายที่นอนป่วยบนเตียงในโรงพยาบาล และเอกสารการรักษาตัวของโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม
จากนั้นได้มีการโพสต์ข้อความว่า "ล่าสุดยังเลยยังไม่เลิกดูดกัญชาในห้องกันอีก ตำรวจมาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตักเตือน ล่าสุดนิติฯ ให้เชิญออกพรุ่งนี้แล้ว สรุปเงินที่จ่ายไปก็คงอาจจะไม่ได้จากพวกมันที่จ่ายค่าโรงพยาบาล" , "สรุปแล้วต้องมาจ่ายค่าโรงพยาบาลเพราะคนดูดกัญชาในห้องจนส่งกลิ่นออกมาข้างนอกยังไม่พอยังไม่เลิกดูดกันอีก ขนาดลูกกูเป็นขนาดนี้พวกมึงยังไม่มีสำนึกเลย... ไม่พอไอ้เจ้าของห้องคนจีนบอกว่าให้ระวังไว้พวกสแกมเมอร์ที่จะหลอกลวงเงินของคุณ เออกูเอาเงินกูจ่ายมันหาว่ากูหลอกลวงจะเอาเงินพวกมึงคิดได้ยังไง ขนาดกูจะเอาเฉพาะแค่ค่าโรงพยาบาลที่จ่ายไปกูไม่ได้เรียกค่าเสียหายส่วนอื่นๆ ด้วยซ้ำ กูอยากจะบ้าตายกับคอนโดฯ นี้ ยังมาเจอเจ้าของห้องแบบนี้ตรงข้ามกันอีก" พร้อมโชว์ใบค่ารักษาจำนวน 17,376 บาท หลังจากนั้นก็ได้โพสต์ใบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ รวมทั้งแชร์โลเกชันสำนักงานยุติธรรมจังหวัด กระทั่งล่าสุดโพสต์ข้อความว่า "เหนื่อยมากกับกลิ่นกัญชา วันนี้ ผู้เช่าได้ออกไปแล้วไม่รู้อะไร อนาคตเจ้าของห้องจะพาใครเข้ามาอยู่อีก ไม่รู้จะสร้างความเดือดร้อนอีกหรือเปล่า ตอนนี้ค่ารักษาโรงพยาบาล ทางคู่กรณีก็ยังไม่ได้จ่าย ไม่รับผิดชอบอะไรเลย" พร้อมภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมยืนอยู่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง
ความคืบหน้าวันนี้ (6 พ.ย. 66) วันที่ 6 พ.ย. 66 จากการตรวจสอบทราบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวคือ นางสาวอาภาพรรณ ศรีดาชาติ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าของห้องคอนโดมิเนียมชื่อดังย่านช้างคลาน ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยนางสาวอาภาพรรณได้นำสังเกตการณ์บริเวณจุดที่เดินผ่าน และหน้าห้องที่ได้กลิ่นกัญชาออกมา รวมทั้งภายในห้องที่พักอาศัยอยู่กับลูกชายวัย 4 ขวบ พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 ช่วงเวลาประมาณ 18.40 น. ได้มีฝรั่งชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามของเราได้เปิดประตูออกมา ห่างจากเราที่ออกจากห้องประมาณ 2 นาที พอออกมาก็ได้กลิ่นกัญชาที่โถงทางเดินค่อนข้างแรงมาก จึงได้แจ้งทางนิติบุคคลของคอนโดฯ ให้แจ้งเตือนลูกค้าเพื่อให้หยุดการดูดกัญชาภายในห้อง เพราะประตูห้องมีช่องที่กลิ่นและควันสามารถลอดออกมาได้ ซึ่งจากเดิมที่ตั้งใจจะออกไปทำธุระข้างนอก แต่รู้สึกว่ามีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ จึงนั่งอยู่ที่บริเวณล็อบบี้ของคอนโดฯ แต่หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกชายของตนบอกว่ามีอาการปวดศีรษะอยากกลับขึ้นห้อง จึงได้รอให้ทางนิติบุคคลคอนโดฯ เคลียร์กับเจ้าของห้องที่เป็นคู่กรณี แต่รอเป็นเวลานานไม่มีใครเปิดประตู
จากนั้นทางนิติฯ ได้ขออนุญาตเจ้าของห้องเพื่อที่จะเปิดห้องเข้าไปดู แต่พอเปิดห้องได้ก็ได้กลิ่นกัญชาแรงมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ. และเจ้าหน้าที่นิติฯ ที่ขึ้นไปตรวจสอบก็มีอาการปวดศีรษะ เวียนซีรษะเหมือนกัน และพบว่าลูกค้าไม่ได้อยู่ที่ห้อง ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น.ได้กลับขึ้นไปที่ห้อง ก็ได้พาลูกชายนอน แต่เวลา 22.00 น.ก็มีอาการร้องไห้ฟูมฟายโดยที่ไม่มีการพูดคุยโต้ตอบกับเรา ซึ่งได้พยายามปลุกเขาตลอดเวลาว่า "คุยกับแม่ซิ คุยกับแม่ซิ เกิดอะไรขึ้น" เขาไม่มีการโต้ตอบกับเรา จึงคิดว่าเขาปวดศีรษะหรือเปล่าจึงนำยาแก้ปวดศีรษะมาให้เขารับประทาน ไม่ถึง 2 นาทีเขามีอาการอาเจียน แล้วเขาก็เริ่มไม่รู้สึกตัว จึงนำไปที่อ่างอาบน้ำเพื่อทำการล้างตัว น้องเหมือนมีอาการมึนเมา ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและพาน้องออกมา แต่มาถึงหน้าห้องน้องก็มีอาการอาเจียนอีกจึงได้กลับเข้าห้องไปอีกรอบเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และได้แจ้งกับทางนิติฯ ว่าลูกเราป่วยหนักมากต้องการรถฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน เราได้นำน้องขึ้นรถฉุกเฉิน น้องก็มีการลืมตาพูดคุยโต้ตอบ แต่ไปถึงโรงพยาบาลก็ได้อาเจียนออกมาอีก ก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้หมอฟัง ทางหมอก็คิดว่าสาเหตุมาจากควันของกัญชาและน้องค่อนข้างได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ น้องจึงมีอาการสะลึมสะลือ และทางหมอได้ทำการรักษาทั้งให้ยาและให้น้ำเกลือ จากนั้นก็ได้ขอใบรับรองแพทย์จากหมอ ซึ่งระบุว่าได้รับผลกระทบจากควันของกัญชา
สำหรับสาเหตุที่ขอใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากทางเจ้าของห้องนั้นเป็นชาวจีน แต่เปิดให้เป็นห้องพักรายวัน วันที่เกิดเหตุก็เป็นชาวต่างชาติโซนเอเชียมาพัก ต่อมาเราได้พยายามไกล่เกลี่ยกับทางเจ้าของห้องพักว่าลูกเราได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้าดูดกัญชา แต่ทางเขาปฏิเสธ จึงได้เดินทางไปแจ้งความพร้อมกับเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโดฯ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เป็นกัญชาเสรี ก็ได้ปรึกษากับทางศาล ขั้นตอนต่างๆ เราไม่สามารถทำได้เพราะเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลน้อยกว่าค่าทนาย จึงได้เดินเรื่องไปยังสำนักงานยุติธรรม และสาธารณสุข และทางสำนักงานยุติธรรมก็จะเป็นตัวแทนทำหนังสือไปยังสำนักงานต่างๆ ให้ ต่อมาวันที่ 2 พ.ย. 66 ตนอยู่ที่ระเบียงห้องก็ได้กลิ่นกัญชามาอีก ก็ได้แจ้งกับทางนิติฯ ว่าเขาดูดกัญชาอีกแล้ว พร้อมกับแจ้งไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ขอให้มาช่วยตรวจสอบ โดยมีเจ้าหน้าที่นิติฯ ก็ขึ้นไปตรวจสอบด้วย ในห้องกลิ่นกัญชาแรงมาก แต่เขาอ้างว่าเขาจุดเครื่องหอมกลิ่นมะลิ ซึ่งเราค่อนข้างจะแยกกลิ่นออกอยู่แล้วระหว่างมะลิกับกลิ่นกัญชา ทางเจ้าหน้าที่นิติฯ จึงได้เชิญเขาออกในตอนเช้าวันที่ 3 พ.ย. 66 และทางเจ้าของห้องที่เป็นชาวจีนตัวจริงก็ไม่ช่วยเหลืออะไรเราเลย จึงต้องรอสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ที่จะช่วยเหลือ
ทั้งนี้ น.ส.อาภาพรรณระบุด้วยว่า โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีกัญชาที่เป็นเสรี เพราะจะมีผลกระทบต่อเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะส่งผลต่อเด็กในอนาคต ไม่อยากให้เป็นกัญชาเสรี อยากให้กฎหมายทำอะไรกับเขาหน่อย โดยที่เขาสร้างความเดือดร้อนให้เรา จนทำให้ลูกเราป่วยต้องรับการรักษา เราไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้แต่แชร์และโพสต์ข้อความลงในโซเชียล และให้หน่วยงานอื่นๆ ช่วยเหลือ เพราะตำรวจก็ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้หรือจับเขาได้