กาญจนบุรี - ส.ส.ศักดิ์ดา แนะรัฐสนับสนุนจัดหาแหล่งน้ำบาดาลสะอาดช่วยประชาชน หลังปัจจุบันคุณภาพน้ำผิวดินปนเปื้อนสารเคมี หวั่นส่งผลต่อสุขภาพช่วงหน้าแล้ง
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาลดาล (ทส.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาประชาชนต่างทราบกันดีว่า อาการป่วยเป็นโรคผิวหนัง รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจนั้น ต้นเหตุ เกิดจากการนำน้ำบนผิวดินที่มีอยู่ตามห้วยหนองคลองบึง รวมทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มาอุปโภคบริโภค เพราะน้ำบนผิวดินเหล่านี้ปนเปื้อนสารเคมีชนิดต่างๆ ที่นำมากำจัดวัชพืชภายในไร่ นา สวน เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลง เป็นต้น ซึ่งแต่ละปีรัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยจำนวนมหาศาล
ปัจจุบันประชาชนชาวไทยได้หันมาใช้น้ำใต้ดินด้วยการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลมาใช้ในการอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งเป็นช่วงที่น่าห่วงมากที่สุด เพราะการที่ประชาชนหาแหล่งน้ำบาดาลขึ้นใช้เองนั้นขาดขั้นตอนการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ น้ำที่ได้มาจึงไม่สะอาดพอเนื่องจากยังมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่ และถึงแม้จะได้น้ำ แต่ไม่เพียงพอใช้สำหรับช่วงฤดูแล้ง
ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมทรัพยากรน้ำบาล เป็นหน่วยงานเข้าไปดูแลประชาชนในการขุดเจาะค้นหาแหล่งน้ำบาดาล เพราะเป็นหน่วยงานที่มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก และรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เพราะกว่าจะได้มาซึ่งน้ำบาดาลต้องใช้ข้อมูลและวิธีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการมีขั้นตอนต่างๆ ทางวิชาการอย่างเป็นระบบ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของบ่อน้ำบาดาล ทั้งปริมาณน้ำ คุณภาพน้ำ และวัตถุประสงค์ของการใช้ เช่น นำไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อเกษตรกรรม หรือเพื่ออุตสาหกรรม
การสูบน้ำออกจากบ่อน้ำบาดาลด้วยอัตราที่กำหนด พร้อมทั้งวัดระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลง และจะใช้เวลาสูบต่อเนื่องกันไป ประมาณ 6-72 ชั่วโมง เพื่อประเมินคุณลักษณะของบ่อน้ำบาดาล ว่าสามารถสูบได้ในปริมาณเท่าใด มีระดับน้ำปกติและระดับน้ำลดเท่าใด และยังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปคำนวณหาคุณสมบัติทางชลศาสตร์ของบ่อ และชั้นน้ำบาดาล ในขั้นตอนนี้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการคัดเลือกชนิดและขนาดแรงม้าของเครื่องสูบน้ำ
การคำนวณระดับความลึกที่เหมาะสมในการติดตั้งท่อดูดน้ำ ตลอดจนสามารถกำหนดอัตราการสูบที่เหมาะสมกับบ่อได้ ทำให้เป็นมาตรการที่ดีในการบริหารจัดการการพัฒนาแหล่งน้ำในเชิงอนุรักษ์ และมีการกำหนดอัตราการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
ตามปกติแล้วการจะนำน้ำบาดาลมาใช้อุปโภคบริโภคต้องมีการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำบาดาลก่อน ได้แก่ วิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพ เคมี และแบคทีเรีย ตลอดจนสารพิษ ว่าคุณภาพน้ำที่ได้นั้นเป็นอย่างไร หากมีคุณภาพไม่เหมาะสมต้องติดตั้งระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนนำไปใช้ ซึ่งสารส่วนเกินที่พบบ่อย คือ สารสะลายเหล็ก แมงกานีส และฟลูออไรด์ เพราะถ้านำมาดื่มกินแล้วตรวจพบว่ามีสารบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น ฟลูออไรด์ หรือสารหนู จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยในภายหลังได้ ดังนั้น การส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ก่อนใช้จะทำให้เกิดความมั่นใจ ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงฤดูแล้ง ปี 2567 นี้ เบื้องต้นขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกตรวจคุณภาพน้ำของระบบประปาหมู่บ้านทั่วประเทศ ทั้งที่ใช้น้ำต้นทุนจากแหล่งน้ำบาดาลหรือน้ำผิวดิน ว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้หรือไม่
บูรณาการปรับปรุงให้มีจุดบริการน้ำดื่มสะอาดฟรี เพื่อให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่มทั่วประเทศ เป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาลที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี เจาะบ่อน้ำบาดาลเสริมให้ระบบประปาเดิม ซ่อมแซมระบบประปาที่ใช้แหล่งน้ำดิบจากบ่อน้ำบาดาล โดยจัดหน่วยซ่อมเคลื่อนที่เร็วไว้คอยบริการประชาชน จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบประปาบาดาลทั่วประเทศ พร้อมอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล โดยการเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำบาดาลผ่านระบบสระ ร่อง หรือบ่อวงเติมน้ำเพื่อเป็นการรักษาสมดุลของระบบน้ำบาดาล และระบบนิเวศใต้ดิน