หนองคาย - นายกรัฐมนตรีดันหนองคาย ทำ one stop service ให้ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกคล่องตัว รองรับการขยายตัวและก่อสร้างสะพานข้ามไทย-ลาว รถไฟความเร็วสูง มอบศุลกากรเป็นเจ้าภาพ พร้อมเฟ้นหากิจกรรมทั่วประเทศเป็นซอฟต์เพาเวอร์หนุนธุรกิจเชิงรุกไปต่างประเทศ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ห้องประชุมด่านพรมแดนหนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออกสินค้า ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดนและการพัฒนา one stop service ระหว่างไทยกับ สปป.ลาว และประเทศจีน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกประสบปัญหาความล่าช้าจากขั้นตอนการปฏิบัติของหน่วยงานราชการ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไปพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ในส่วนของไทยยังติดปัญหาการขนส่งที่ยังไม่เข้ามาในประเทศ ยังต้องสร้างสะพานเพิ่มเติมที่หนองคายซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ประเด็นการส่งออกกว่าจะสามารถส่งสินค้าได้ต้องแสตมป์หลายหน่วยงาน หากไทยเราสร้างสะพาน สร้างทางรถไฟเชื่อมไปแล้วนั้น ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไข กว่าจะนำสินค้าออกได้ต้องผ่านหลายหน่วยงาน หลายขั้นตอน การขับเคลื่อนของสินค้าก็จะล่าช้า อยากให้ศุลกากรเป็นเจ้าภาพทำ one stop service ให้หนองคายเป็นจังหวัดแรก ประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯ สาธารณสุข ตรวจคนเข้าเมือง แจกจ่ายงานให้ตามที่ต่างๆ แล้วเข้ากรมศุลกากร
หากจะทำการค้าขายแต่ยังไม่สะดวกก็จะลำบาก หากรัฐไม่สนับสนุนจะเป็นอุปสรรคลำบาก ทั้งนี้ควรหาข้อมูลกับทาง BOI ก่อน ถึงมาจังหวัด จะได้รู้ความตั้งใจจริงในการทำงาน ขีดจำกัดในการลงทุนมีเท่าไรต้องรู้ให้ชัด ถ้ามีสินค้าเกษตรดีๆ นอกเหนือจากทุเรียน ถ้าสินค้าพร้อมแล้วแต่มาติดขัดที่ด่านก็จะไม่สะดวก ค้าขายจะไม่คล่องตัว
นอกจากนี้ ในด้านการท่องเที่ยว ผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ ต้องลงพื้นที่ทั่วประเทศเฟ้นหางานกิจกรรมต่างๆ เฟ้นหาซอฟต์เพาเวอร์เพื่อส่งเสริมสนับสนุน หาแชมเปี้ยนโปรดักต์แต่ละพื้นที่เพื่อนำไปค้าขายต่อกับต่างประเทศ ให้มีการพูดคุย ขอบเขตหน้าที่ ความรับผิดชอบ เป็นตัวแทนประเทศไทยที่จะนำของไปขายต่อ เป็นธุรกิจเชิงรุก ทุกจังหวัดต้องติดต่อประสานงานกับกระทรวงต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนร่วมกัน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกที่จังหวัดหนองคายได้นำเสนอข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งเดินทางตรวจราชการครั้งที่ผ่านมา ขอให้ราชการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (one stop service) กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยได้เลือกพื้นที่บริเวณด่านศุลกากรหนองคาย ในระยะเร่งด่วน ให้ดำเนินการภายใน 3 เดือน หรือประมาณเดือนธันวาคม ซึ่งจะเป็นการจัดให้มีหน่วยงานตรวจร่วม อาทิ ตรวจสินค้าแต่ละชนิดตามประเภทของแต่ละสินค้า เช่น กรณีเป็นสินค้าจำพวกพืชผักการเกษตร จะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกับศุลกากร ไม่ว่าจะเป็นด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดพื้นที่จัดห้องปฏิบัติงานด่านตรวจพืช
เบื้องต้นเป็นห้องทำงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งในระยะเร่งด่วนคือปีงบประมาณ 2562-2564 ก่อนเปิดรถไฟลาว-จีน มูลค่าการค้านำเข้าส่งออกมีมูลค่าเฉลี่ย 65,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าการค้าระหว่างไทย-ลาว สินค้าส่งออกของไทยจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ สินค้านำเข้าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่วนปลายปี 2564 ปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปิดใช้รถไฟลาว-จีน มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 99,000 ล้านบาท ปี 2566 96,000 ล้านบาท ซึ่งมีสินค้าที่เพิ่มขึ้นมาเป็นการนำเข้าจากจีน เช่น ปุ๋ย สายนาฬิกา ซิลิคอนเวเฟอร์ (อุปกรณ์ทำโซลาร์เซลล์) ส่วนสินค้าที่ส่งออกสำคัญ คือ ผลไม้สด เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด เป็นต้น