นายกฯ โชว์ปึ๊กนายกฯ จีน ได้เบอร์โทรสายตรงได้ พอใจเจรจานักลงทุนสำเร็จ เชื่อเพิ่มมูลค่านับล้านล้าน ชูแลนด์บริดจ์ไทย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์โลก ลดแออัด-ร่นระยะทาง แย้มจีนรับปากเดินหน้าแก้ปมเครื่องยนต์เรือดำน้ำ
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 19 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ได้มีการลงรายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง เรื่องการขนถ่ายสินค้าจากไทยไปจีนผ่านลาวที่พบว่ายังมีอุปสรรค คือ สะพานข้ามแม่น้ำโขงจากหนองคายไปลาว ซึ่งตนได้บอกนายกฯ จีนว่า ควรจะมีการผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้การขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี ซึ่งหากมีการสร้างสะพานดังกล่าวในช่วงจังหวัดหนองคาย ก็จะมีการสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าด้วย พร้อมยืนยันว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติรถไฟรางคู่จากขอนแก่นไปหนองคาย เพื่อบรรเทาความแออัด ในการขนถ่ายสินค้า ระหว่างการสร้างรถไฟความเร็วสูง อีกทั้งยังได้แจ้งว่ารัฐบาลได้มีการอนุมัติการทำการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้ประเทศไทยในอนาคตจะไม่ใช่แค่เส้นทางผ่านการขนถ่ายสินค้าอย่างเดียว แต่จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก เพราะหากโครงการนี้เกิดขึ้นจะเป็นโครงการเมกกะโปรเจคที่ตอบโจทย์ปัญหาความแออัดของการขนถ่ายสินค้าทั่วโลกได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งจะลดระยะทางและลดความแออัดลงได้ ดังนั้นการมีแลนด์บริดจ์เชื่อมต่อระหว่างอันดามัน-อ่าวไทย จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งจะไม่ใช่การขนถ่ายสินค้าระหว่างจีนผ่านไปอินเดีย ไปตะวันออกกลางและแอฟาริกาอย่างเดียว แต่จะสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนจีนว่า การสร้างโรงงานที่ประเทศไทย จะทำให้การขนถ่ายสินค้า ขนส่งกระจายไปทั่วโลกอย่างสบาย ซึ่งนายกฯ จีนได้ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะแลนด์บริดจ์จะเป็นโครงการที่มาเสริมให้บีอาร์ไอมีศักยภาพและเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้ สอดคล้องกับเจตนาของประเทศจีน
นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าการมาจีนครั้งนี้ รัฐบาลประสบความสำเร็จ และมั่นใจว่าหากเกิดแลนด์บริดจ์ รวมทั้งการลงทุนด้านรถไฟฟ้าอีวี ซึ่งขณะนี้มีเข้ามาแล้ว 4 เจ้า และจะได้เจรจาอีก 2 เจ้า จะสามารถสร้างเม็ดเงินกว่าล้านล้านบาท ซึ่งนับตัวเลขไม่ได้ เพราะประเทศจีนพัฒนาเยอะมาก และเป็นความโชคดีที่ไทยตั้งอยู่จุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ เรามีความเป็นกลาง มีความเป็นมิตร
“เมื่อวานนี้ผมรู้สึกว่ามีความผูกพันที่ดีมากๆ กับนายกฯ จีน ซึ่งท่านได้ให้เบอร์มือถือไว้ หากมีอะไรก็สามารถโทรพูดคุยได้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยสองประเทศต้องพึ่งพากัน โดยเราต้องพึ่งจีนในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ ซึ่งในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ในการแสดงดนตรีร้องเพลงไทย คือ เพลงลอยกระทง ซึ่งมีการฝึกกันนานมาก แสดงให้เห็นว่าจีนให้ความสำคัญกับเรา ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดีมาก” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกันถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตร ซึ่งจีนพร้อมสนับสนุนทุกมิติ โดยตนได้ขอให้การนำเข้าวัวของจีน เป็นนโยบายหลักของที่ไทยจะส่งออกวัวให้กับจีนที่เป็นตลาดใหญ่ แต่เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกวัวจะต้องผ่านการตรวจสอบที่ประเทศลาว รัฐบาลไทยจึงขอให้มีการศูนย์ตรวจสอบที่ประเทศไทย ซึ่งจะทำตามกฎของประเทศจีนทุกอย่าง อาทิ การตรวจโรค การฉีดวัคซีน ซึ่งมีความสำคัญมาก จะทำให้การพัฒนาส่งออกวัวได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางราง หรือทางเรือ ไม่ต้องไปพึ่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายกฯจีนยืนยันให้ความสำคัญและจะพิจารณาข้อเสนอของไทย ขณะเดียวกัน ยังได้หารือเรื่องวีซ่าฟรี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติให้คนจีนเข้าไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึง 29 ก.พ.67 แต่รัฐบาลมีความประสงค์จะขยายให้เป็นแบบระยะยาว ซึ่งทางจีนรับไปพิจารณา แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าน่าจะได้รับการตอบสนองที่ดี
นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงการหารือกับนายกฯ จีน ถึงการแก้ปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำ ที่ยังติดปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ จีนรับปากว่าจะไปช่วยดูให้ ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้พูดคุยกับกองทัพจีนด้วย โดยที่ ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ตนจะได้พบกับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน ก็จะได้มีการพูดคุยต่อเนื่อง ส่วนรายละเอียดขอให้ทาง รมว.กลาโหมได้ชี้แจง เพราะเป็นผลงานของนายสุทิน