ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยาคนปัจจุบัน ยอมรับหนักใจโครงการ “วอเตอร์ฟร้อนท์” ซื้อที่ดินออกโฉนดถูกต้องแต่การออกโฉนดกระทำโดยมิชอบเป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายต้องไล่เบี้ยตั้งแต่ผู้ซื้อ ผู้ขาย และ จนท.กรมที่ดิน โดยมีผู้เสียหายนับร้อยรายรอเยียวยา
จากกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากเมืองพัทยาอีกกว่า 10 ราย ในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2551 ให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด
ต่อมา นายอิทธิพล ได้หนีการจับกุม ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 จึงออกหมายจับ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2566 นายอิทธิพล ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ก่อนขอประกันตัวออกไป โดยให้เหตุผลว่าที่ไม่สามารถมาตามหมายในครั้งแรกได้เพราะป่วยป่วยเป็นโควิด-19 และต้องนอนพักรักษาตัวที่ประเทศกัมพูชานั้น
ล่าสุด นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยาคนปัจจุบัน ได้ออกมาเปิดเผยถึงการดำเนินงานของเมืองพัทยา หลัง ป.ป.ช.มีมติเห็นว่าแปลงที่ดินในโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์เป็นที่ดินสาธารณะว่า เมืองพัทยา ได้ร่วมกับอำเภอบางละมุง และสำนักงานที่ดินบางละมุง เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้หลักเกณฑ์การตรวจสอบจากแผนที่ทางอากาศแล้ว พบว่า ที่ดินแปลงนี้ไม่มีสภาพการทำกินมาก่อนที่จะออกกฎหมายให้แจ้งสิทธิการครอบครอง
จึงเชื่อว่าเป็นที่ดินสาธารณะ และจากนี้ไป เมืองพัทยาจะมอบหมายให้กรมที่ดิน เป็นผู้พิจารณาต่อไปว่าว่าจะดำเนินการอย่างไร
นายปรเมศร์ ยังเผยอีกว่าเมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วว่าที่ดินในโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา เป็นที่ดินสาธารณะ การดำเนินการต่างๆ ทั้งที่เคยทำไปแล้วหรือกำลังคิดจะทำไม่สามารถดำเนินการต่อได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางโครงการจะพยายามหาแนวทางเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อถึงขั้นยอมลดความสูงของตัวอาคารลง 8 ชั้น เพื่อให้พื้นที่ใช้สอยตรงกับกรอบที่ขออนุญาตไว้ และเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ทุกอย่างต้องหยุดไว้ก่อนเพื่อรอหนังสือจากกรมที่ดินว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป
“หากสุดท้ายแล้วได้ข้อสรุปว่าที่ดินในโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา เป็นที่ดินสาธารณะจริง เรื่องนี้จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ เพราะไม่เคยมีกรณีเรื่องของโฉนดที่ดินที่ซื้อมาอย่างถูกต้องเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบมาก่อน และหลังจากนั้นคงจะต้องไปไล่เบี้ยกันว่าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายใครเป็นคนกระทำผิด และต้องไล่ไปถึงเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดินด้วย”
ส่วนผู้ที่ซื้อห้องพักในโครงการดังกล่าวไปแล้ว ต้องรอพิจารณาว่าใครจะต้องเป็นผู้เข้ามาเยียวยา โดยในเรื่องนี้รัฐบาลอาจต้องออกกฎหมายพิเศษเพื่อดำเนินการหรือไม่
นายปรเมศร์ เผยอีกว่า ตนเองในฐานะนายกเมืองพัทยา รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมากที่ต้องบริการงานท้องถิ่นในยุคที่เกิดปัญหาในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในพื้นที่ตัวอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ต้องหยุดไป รวมทั้งไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบใบอนุญาตได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตนได้ออกหนังสือสั่งการไปแล้วว่า ให้นายตรวจเขตหรือผู้ที่รับผิดชอบทั้งหมดดูแลและพิจาณารายละเอียดของโครงการนี้อย่างรอบคอบ และขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ในฐานะนายกเมืองพัทยาให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด
