ราชบุรี - ศาลแขวงราชบุรี สั่งจำคุก 6 เดือน 10 วัน ปรับ 1,000 บาท ‘ป้านา’ ตะโกนด่านายกฯ ตู่ หลังได้ประกันตัวได้ โกนหัวประชด และชู 3 นิ้วคือ เอกภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
จากกรณี น.ส.วันทนา โอทอง อายุ 62 ปี หรือ ป้านา ยืนดักขบวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ตำแหน่งขณะนั้น) เดินทางลงตรวจราชการนพื้นที่ อ.บ้างโป่ง จ.ราชบุรี เดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์ พร้อมตะโกนด่าและตำหนิการทำงาน โดยมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งกระชาก ลากตัว และปิดปาก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเป็นจำนวนมาก
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่ศาลแขวงราชบุรี ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี น.ส.วันทนา โอทอง อายุ 62 ปี เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีขัดคำสั่ง ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และส่งเสียงอื้ออึงในที่สาธารณะ กรณีตะโกนวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะลงตรวจราชการในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ศาลได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าจำเลยเข้าไปในเขตที่จัดไว้ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยและหวงห้ามเพื่อรักษาความปลอดภัยนายกฯ บุคคลในขบวนของนายกฯ และประชาชนอื่น โดยตำรวจผู้มีอำนาจได้แจ้งต่อจำเลย โดยจำเลยทราบคำสั่งแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุสมควร
อีกทั้งจำเลยไม่เคยสำนึกในการกระทำความผิด ยืนยันต่อสู้คดีและแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ ไม่เคารพยำเกรงกฎหมาย พฤติการณ์จึงเป็นคดีร้ายแรง หากบังคับกฎหมายไม่จริงจังอาจมีบุคคลอื่นทำแบบเดียวกัน จึงไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษ ศาลแขวงจังหวัดราชบุรี จึงมีคำสั่งพิพากษา นางวันทนา โอทอง หรือป้านา จำคุก 6 เดือน 10 วัน ปรับ 1,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา
ต่อมา เวลา 12.00 น. ทนายยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลแขวงราชบุรีมีคำสั่งให้ประกันตัว น.ส.วันทนา โอทอง โดยให้วางหลักทรัพย์ประกันในชั้นอุทธรณ์เพิ่มอีก 10,000 บาท รวมกับหลักทรัพย์ประกันเดิมในศาลชั้นต้น 20,000 บาท รวมเป็นเงินประกัน 30,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก กองทุนราษฎรประสงค์
ภายหลังจากได้รับการประกันตัว “ป้านา” ได้โกนผมตัวเองที่หน้าศาลแขวงราชบุรี แสดงสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้ประชาชนที่ถูกดำเนินคดี และชู 3 นิ้ว คือ เอกภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการที่จะให้เกิดขึ้นในประเทศ และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือเรื่องใดๆทั้งสิ้น
น.ส.วันทนา กล่าวว่า อย่างน้อยอยากให้ผู้พิพากษาฟังเสียงประชาชนบ้าง สิ่งที่ท่านตัดสินไปแล้วตนเองยอมรับในส่วนนั้นที่ท่านตัดสิน เพราะว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ฟ้อง ตนเองก็เข้าใจในบริบทนั้น แต่ความรู้สึกความเป็นประชาชนที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอะไรเลย ซึ่งเป็นประชาชนคนธรรมดาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง อยากจะพบนายกฯ อยากจะพูดอยากจะคุย มันผิดตรงไหน
ข้อหาที่เขากล่าวอ้าง ที่ทำร้ายตนเอง โดนเจ้าหน้าที่รัฐรุมรังแก ใช้อำนาจเข้าจับกุม เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ มันไม่น่าจะถึงขั้นนั้น เนื้อแท้แล้ว คนบ้านโป่งไม่ได้รุนแรง พวกเรามีวิสัยทัศน์ซึ่งกันและกัน อยู่ในบ้านโป่งมายาวนาน เหมือนดูรุนแรง แต่ไม่ได้รุนแรง แล้วยังเป็นมิตรซึ่งกันและกัน อาจจะมีการพูดจากันน้อยลง เนื่องจากความคิดเราแตกแยกกัน
สำหรับโทษที่ไม่รอลงอาญา จำคุก 6 เดือน 10 วัน ขณะนี้ได้ยื่นประกันตัวออกมา และจะขอต่อสู้ต่อไปในชั้นอุทธรณ์ สำหรับการเคลื่อนไหวในเรื่องของการเมือง ตนเองคิดว่ามันยุติแล้ว มันผ่านการเลือกตั้ง และผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประชาธิปไตย ทุกอย่างมันก็จบ จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของการเมือง
ส่วนเรื่องคดีของตนจะต่อสู้จนถึงที่สุด จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมที่ตนถูกกระทำในครั้งนี้ ทุกวันนี้จะต่อสู้ตามลำพัง ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ คือเราเป็นนักเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เป็นคนของพรรคใดพรรคหนึ่ง เคลื่อนไหวด้วยจิตใต้สำนึกของตัวเอง
"เราต้องการจะแก้ไขในจุดนี้ จะทำอย่างไรได้ ก็ต้องออกมาประท้วง เราไม่เห็นด้วยอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราไม่เคยไปก่อความรุนแรง ไปตีเขาไปทำร้ายเขา เพียงแค่แสดงสัญลักษณ์ อย่างเช่นการผูกโบ วันนี้ก็ผูกโบผ้าขาว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าป้านา ต้องการความยุติธรรมจากภาคประชาชน หรือคนที่จะสามารถให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นเพียงแค่อยากพูดคุยกับนายกฯ ถ้าจะไปในลักษณะประท้วง จะต้องใช้คนมากไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เมื่อเขามาอยากจะพูดในสิ่งที่อึดอัด ในความรู้สึกตอนนั้น เศรษฐกิจมันแย่ ค่าครองชีพมันสูงขึ้น ซื้ออะไรราคาก็สูงขึ้น อยากจะพูด ไม่ได้คิดจะเกี่ยวข้องกับใครแต่เขาพยายามจะโยงการเมืองกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งรู้สึกว่าตนเองถูกใช้เป็นเครื่องมือ โยงเข้าไปให้เกิดเรื่องโดยเจ้าหน้าที่รัฐ"