อุบลราชธานี-นายกรัฐมนตรีสั่งหน่วยงานดูแลประชาชนถูกน้ำท่วมให้ดีที่สุด สั่งเปลี่ยนวิธีคิดบริหารจัดการใหม่ เขื่อนปล่อยน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วขึ้น ไม่ต้องกลัวจะเกิดความแห้งแล้ง แย้มต้องดูโครงการเปลี่ยนทางน้ำ เพื่อใช้แก้ปัญหาระยะยาวด้วย
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้(6ต.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ มาที่สนามบินกองบินที่ 21 จ.อุบลราชธานี เพื่อเข้าร่วมประชุมรับฟังปัญหาน้ำท่วมจากกรมชลประทาน และหัวหน้าหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงปัญหาน้ำท่วมจังหวัดที่ผ่านมาประมาณ 1 ชั่วโมง
และได้เดินทางไปดูสภาพข้อเท็จจริงจากน้ำท่วมที่สถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย องเมือง และแจกถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 สัปดาห์ พร้อมได้พูดให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยได้สั่งการให้หน่วยงานเข้าดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมอย่างเต็มที่
จากนั้นได้เดินทางไปดูสภาพน้ำที่สะพานข้ามแม่น้ำมูลที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของแก่งสะพือ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และเป็นเสมือนเขื่อนธรรมชาติที่กั้นน้ำให้แม่น้ำมูลไหลออกไปแม่น้ำโขงได้ช้าลง
โดยระดับน้ำแม่น้ำมูลที่แก่งสะพือวันนี้ ท้ายน้ำมีระดับน้ำต่ำกว่า แม่น้ำมูลที่สถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี 2.70 เมตร และมีระดับน้ำต่ำกว่าแม่น้ำโขง ที่อำเภอโขงเจียมประมาณ 9.30 เมตร ทำให้การระบายน้ำของแม่น้ำมูลจากเหนือแก่งสะพือ ลงที่ท้ายแก่งยังระบายได้ดี ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องผลักดันน้ำที่กรมชลประทานเตรียมไว้ที่สะพานแก่งสะพือจำนวน 100 เครื่อง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวการแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า ช่วงเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงที่มีน้ำไหลเข้ามาที่จังหวัดอุบลราชธานีมากที่สุด จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำ ถามว่าให้ความมั่นใจได้หรือไม่น้ำท่วมปีนี้จะไม่หนักเท่ากับปีที่ผ่านมา นายเศรษฐาบอกว่า มั่นใจจะไม่ท่วมหนัก เพราะได้บอกไปแล้วถึงการบริหารจัดการน้ำ
ส่วนการคิดนอกกรอบในการบริหารจัดการน้ำมีหลายวิธี บางวิธีเป็นเรื่องเดิม ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ต้องมีวิธีที่แปลกใหม่จากเดิมบ้าง เช่นระยะเวลาการเก็บกักน้ำมีการปล่อยให้เร็วขึ้น อย่ากลัวจะแล้ง ควรปล่อยน้ำให้เร็วขึ้น แล้วกักเก็บให้ช้า เพื่อให้รองรับน้ำใช้ป้องกันน้ำท่วม ส่วนภาคกลางก็เหมือนกันต้องมีการบริหารจัดการน้ำ ที่สุโขทัยได้รับรายงานว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ท่วมอยู่ 5 วันพืชผลคงไม่เสียหายมาก
ถามถึงการทำโครงการขนาดใหญ่ขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี นายกรัฐมนตรีตอบว่า มีหลายโครงการ แต่ต้องดูว่าโครงการไหนลงทุนแล้วคุ้มค่าที่สุด ส่วนจะเป็นเขื่อนหรือฝายกั้นน้ำนายกรัฐมนตรีบอก เป็นการเดินทางน้ำใหม่ เพื่อบรรเทาปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาที่จังหวัดอุบลราชธานี
ขณะเดียวกันกลุ่มสมัชชาคนจนและกลุ่มเขื่อนสิรินธรนำโดยนายกฤษกร ศิลารักษ์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจนประมาณ 300 คน ได้มารวมตัวที่แก่งสะพือ เพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลพิจารณาชดเชยเยี่ยวยาในการสร้างเขื่อนปากมูลและเขื่อนสิรินธรเมื่อ 53 ปีก่อนด้วย
