แพร่ - ทั้งรองนายกฯ รมช.คมนาคม รมช.มหาดไทย เร่งลงพื้นที่ตามคืบหน้าปฏิบัติการกู้หัวรถจักร-โบกี้รถไฟสายเหนือ หลังโดนน้ำป่าซัดทางขาด-รถไฟตกราง คาดซ่อมทางเสร็จวันนี้ก่อนเร่งยกโบกี้รถไฟพ้นราง-ลากซ่อมอุตรดิตถ์ เปิดเดินรถสายเหนือโดยเร็ว
ความคืบหน้ากรณีกระแสน้ำได้เข้าท่วมทางรถไฟสายเหนือ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 557/7-8 ระหว่างสถานีแก่งหลวง-บ้านปิน ทางเสียหายยาวประมาณ 20 เมตร และส่งผลให้รถจักรดีเซล 5246 และรถพ่วง 2 คัน (บพห.1026 และ บนท.ป.1138 พ่วงติดรถจักรดีเซล) ขบวน 13 ตกราง ตกรางทุกเพลาทุกล้อ ในลักษณะพลิกตะแคง เมื่อ 05.48 น. วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา และการรถไฟฯ ต้องงดเดินรถไฟสายเหนือทุกขบวนจนถึงวันนี้ (1 ต.ค. 66)
ล่าสุดวันนี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.กระทรวงคมนาคม นายเกรียง กันตินันท์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้เดินทางไปที่สถานีรถไฟบ้านปินเพื่อฟังบรรยายสรุปการแก้ไขปัญหาน้ำป่าเนื่องจากฝนตกหนักและรถไฟตกรางดังกล่าว พร้อมเดินทางเข้าดูจุดเกิดเหตุ ขณะเจ้าหน้าที่กำลังทำงานกู้โบกี้รถไฟและปรับปรุงเส้นทางเพื่อเร่งเปิดเดินรถไฟให้เร็วที่สุด และได้กำชับให้การรถไฟเร่งสำรวจเส้นทางสายเหนือเพื่อแก้ปัญหาก่อนเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ที่เดินทางลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมสุโขทัย ก็ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าแก้ไขการเดินรถเส้นทางรถไฟสายเหนือให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และเข้าดูจุดเกิดเหตุรถไฟตกราง ซึ่งห่างจากสถานีบ้านปินไปทางสถานีรถไฟแก่งหลวง 7 กิโลเมตร
โดยคณะรองนายกรัฐมนตรีได้ติดตามดูการทำงานของเจ้าหน้าที่รถไฟที่กำลังปรับปรุงเส้นทางให้แล้วเสร็จภายในเวลา 18.00 น.ของวันนี้ เพื่อจะได้นำรถเครนเข้ามายกตู้รถไฟที่ตกรางอยู่ลำเลียงไปซ่อมบำรุงที่สถานีซ่อมบำรุงศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ต่อไป
โอกาสนี้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า สภาวะฝนตกหนักทำให้มีน้ำป่าไหลตัดเส้นทางจนเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้รถไฟตกรางพลิกคว่ำ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เร่งดำเนินการแก้ไข เบื้องต้นเชื่อว่าจะซ่อมทางเสร็จภายในวันนี้ ก่อนทำการยกหัวรถจักรและโบกี้โดยสารออกจากพื้นที่เพื่อเปิดเดินรถไฟสายเหนือให้ได้ตามปกติโดยเร็วต่อไป
“การที่ต้องปิดเส้นทางรถไฟสายเหนือส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการขนส่งการเดินทางของประชาชนเป็นมูลค่ามหาศาล ทางนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยเป็นพิเศษได้สั่งการให้ผมเดินทางมาดูสถานการณ์และเร่งแก้ไขโดยเร็ว”
ส่วนเรื่องฝนตกหนัก ปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้นจนเกิดเหตุอุทกภัย รวมถึงส่งผลให้รถไฟตกรางในจังหวัดแพร่ ขณะนี้มวลน้ำเหล่านั้นกำลังไหลลงสู่แม่น้ำยม และจะไหลไปบรรจบกันที่จังหวัดสุโขทัย ช่วงบ่าย-เย็นพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบที่รุนแรงในจังหวัดสุโขทัยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีฝนตกหนักติดต่อกัน-น้ำป่าทะลักท่วมพื้นที่จังหวัดแพร่นั้น ส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้างทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดแพร่ บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง สาธารณูปโภค ถนน สะพาน สายส่งไฟฟ้า และพื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสำรวจข้อมูลเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนอย่างเร่งด่วนแล้ว
