ราชบุรี - “อัจฉริยะ” นำทีม DSI เข้าตรวจค้นโรงชำแหละเนื้อหมู เขตอำเภอปากท่อ หลังมีประเด็นเนื้อหมูเถื่อนทะลักเข้าไทย กว่า 161 ตู้คอนเทนเนอร์ เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อนรอคำชี้แจงในวันที่ 20 ต.ค.นี้
วันนี้ (26 ก.ย.) จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจพบความผิดปกติในการนำเข้าและจำหน่ายเนื้อหมูของบริษัทดังกล่าว ใน 2 ปี คือ ปี 2564 นำสุกรมีชีวิตเข้า 178,890 ตัว เมื่อชำแหละแล้วซากสุกรที่ได้กว่า 17 ล้านกิโลกรัม ซากสุกรนำเข้ากว่า 550,000 กิโลกรัม รวมซากทั้งหมด ทั้งสุกรมีชีวิตที่ชำแหละแล้ว และซากสุกรนำเข้ากว่า 18 ล้านกิโลกรัม แต่กลับมีซากสุกรนำออกจากบริษัททั้งหมดกว่า 26 ล้านกิโลกรัม จึงมีส่วนต่างเกิดขึ้นกว่า 7.7 ล้านกิโลกรัม
ส่วนปี 2565 บริษัทนำสุกรมีชีวิตเข้ากว่า 900,000 ตัว เมื่อชำแหละแล้ว ซากสุกรที่ได้กว่า 9.7 ล้านกิโลกรัม ซากสุกรนำเข้ากว่า 1 ล้านกิโลกรัม รวมซากสุกรทั้งหมดทั้งสุกรมีชีวิตชำแหละแล้ว และซากสุกรนำเข้ารวมกว่า 10.7 ล้านกิโลกรัม แต่กลับมีซากสุกรนำออกจากบริษัททั้งหมด 11. 6 ล้านกิโลกรัม มีส่วนต่างกว่า 900,000 กิโลกรัม รวมที่บริษัทจะต้องชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนเป็นสุกรมีชีวิตชำแหละแล้วในปี 2564 และ 2565 กว่า 8.6 ล้านกิโลกรัม กับซากสุกรนำเข้า รวมทั้งปี 2564 และ 2565 จำนวน 1.5 ล้านกิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 10,203,270 กิโลกรัม
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหมายศาลเพื่อขอเข้าตรวจค้นที่ บ.กาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด โรงชำแหละเนื้อหมูแช่แข็ง แช่เย็น ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ราชบุรี พร้อมด้วยพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.ศูนย์สอบสวนคดีอาญาพิเศษ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายธนวัชร นิติกาญจนา ตัวแทนบริษัทได้นำทีมเข้าไปตรวจสอบภายในบริษัท โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางออกมา พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีที่มีการค้าเนื้อสุกรผิดกฎหมายในกรณีที่กรมศุลกากรได้ตรวจยึดไว้ จำนวน161 ตู้ และได้รับข้อมูลตัวเลขการนำเข้าที่เชื่อได้ว่าผิดกฎหมายในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยใช้หมายค้นของศาลอาญาเพื่อเข้าทำการตรวจค้น จากการตรวจค้น “ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด” แต่จะให้ทางบริษัทไปชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 20 ต.ค.66 เพื่อที่จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ
เพื่อให้ต้วเลขถูกต้องตามที่เราได้รับมา สรุปได้ว่าวันนี้ไม่พบสิ่งของหรือซากสุกรผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพียงแค่ให้นำหลักฐานไปชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนต่อไป เบื้องต้นทางบริษัทชี้แจงมาว่าอาจจะเป็นสต๊อกที่เก็บไว้ ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้มีข้อมูลอีกมากที่จะต้องให้พนักงานสอบสวน ซึ่งทางบริษัทจะเดินทางไปให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนต่อไป ซึ่งข้อมูลในปี 64-65 ต้องรอให้ทางบริษัทไปชี้แจงถึงจะรู้ข้อเท็จจริง วันนี้ได้ชี้แจงเบื้องต้นในส่วนของการประกอบธุรกิจว่าดำเนินการอย่างไรเท่านัั้น ตอนนี้ต้องรอวันที่ 20 ต.ค.66 ถึงจะรู้ข้อมูลข้อเท็จจริง
ด้านความกังวลว่าเจ้าของบริษัทเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น DSI ทำไปตามหน้าที่ที่เรามีอยู่ตามกฎหมาย ซึ่งวันนี้ให้ทางตัวแทนมาพูดคุยและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายธนวัชร กล่าวว่า วันนี้ที่ได้เข้ามาตรวจค้นไม่มีสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เรื่องของตัวเลขที่ DSI ออกมาชี้แจงนั้น ในแต่ละปีจะมีสต๊อกของปี 63 ปี 62 ซึ่งเราผลิตมากกว่าปี 64 ซึ่งเราไม่ได้ผลิตมาขายปีต่อปีเท่านั้น มันคือสต๊อกของก่อนปี 64-65 เมื่อก่อนเรามีการผลิตเยอะมาก เรามีฟาร์มหมูถึง 7 ฟาร์ม เราผลิตได้วันละ 1 พันตัว ทำการผลิต 6 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะขายหมด จะมีชิ้นส่วนที่ขายหมดและไม่หมด เราทำการเก็บไว้ ต่อมาราคาหมูมีราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีโรคเข้า ประกอบกับหมูขาดตลาด ทำให้เราต้องเอาหมูจากสต๊อกออกมาขายเยอะขึ้น วันนี้ไม่มีความกังวลเพราะจากที่เจ้าหน้าที่บอกเราก็ชี้แจงได้หมด และจากที่เข้าไปตรวจสอบไม่พบอะไร และวันนี้ไม่ได้แจ้งเราก่อน พอได้เข้าไปดูเอกสารทุกอย่างก็เคลียร์หมดทุกอย่าง
ส่วนที่มีการพูดถึงแม่ที่เป็น ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ตรงนี้คุณแม่ไม่ได้ดูแลเรื่องของธุรกิจมากว่า 10 ปีแล้ว มุ่งมั่นด้านการเมืองอย่างเดียว เพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ส่วนคุณพ่อเป็นนายก อบจ.ได้วางมือเรื่องธุรกิจไปนานแล้วเช่นกัน ตอนนี้เป็นตนที่ดูแลธุรกิจอย่างเดียว ส่วนที่บอกว่าเป็นโรงชำแหละของนักการเมืองท้องถิ่นอาจจะมีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นไม่เกี่ยวอย่างแน่นอน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องให้ทางบริษัทชี้แจงว่าตัวเลขปี 64-65 นั้นได้คำตอบมาว่าเป็นสต๊อกเก่าเมื่อปี 62-63 ต้องให้เขามาชี้แจง ตรงนี้ไม่ได้ชี้ว่าถูกหรือผิดแต่ต้องชี้แจงให้ได้ว่าตัวเลข 10 ล้านกิโลกรัมเป็นอย่างไร ส่วน ส.ส.จะเป็นฝั่งไหนไม่สำคัญ ยุคนี้กฎหมายต้องบังคับใช้ทั้งหมดเท่าเทียมกัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย วันนี้ที่มาไม่ได้ชี้ว่าใครผิดถูก ทางบริษัทให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต้องรอวันที่ 20 ต.ค.จะรู้ว่าเป็นอย่างไร ส่วนอีกบริษัทหนึ่งยังชี้แจงไม่ได้ ตอนนี้มูลค่าความเสียหายของหมูเถื่อนทั่วประเทศที่กรมสอบสวนพิเศษทำอยู่ มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 75,000 ล้านบาท และตอนนี้รู้ตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมด 4 กลุ่มเป็นนายทุนใหญ่ มีทั้งข้าราชการระดับสูง 2 กรม มีส่วนร่วมในการทุจริตในการลักลอบนำหมูเข้ามาสู่ในประเทศ
“ขณะนี้ได้รับรายงานว่าบางล็อตจะมียาเสพติดปะปนมาด้วยในตู้คอนเทนเนอร์ ต้นทางมาจากในเขตแหลมฉบัง มุกดาหาร เขตพื้นที่ภาค 4 หนองคาย บึงกาฬ ยาเสพติดพวกนี้จะเล็ดลอดผ่านทางตู้คอนเทนเนอร์ และมาพักที่อยุธยา”