ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - จบกันด้วยดี ดรามาหนุ่มโคราชลาบวชหน้าไฟให้ยายที่เสียชีวิต ถูกนายจ้างไล่ออกจากงาน ล่าสุดตัวแทนโรงงานเข้าเจรจาให้กลับเข้าทำงานตามเดิม แต่หนุ่มลูกจ้างปฏิเสธไม่กลับเข้าทำงาน ทางโรงงานแสดงความรับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยให้แทน
วันนี้ (19 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ส่งข้อความผ่านไปทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึงหัวหน้างานเพื่อขอลางานไปบวชหน้าไฟให้กับยายที่เสียชีวิตกะทันหัน เป็นเวลา 2 วัน ซึ่งหัวหน้างานตอบกลับมาว่า “ตามสบาย” ทำให้พนักงานคนดังกล่าวเข้าใจว่าหัวหน้างานรับทราบและอนุญาตให้ลางานแล้ว แต่ภายหลังปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่โทร.ไปแจ้งไล่ออกจากงาน ทำให้พนักงานคนดังกล่าวได้นำข้อความสนทนา และเล่าเรื่องราวโพสต์ลงในโลกโซเชียล กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นวงกว้าง
กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมาได้ลงพื้นที่ไปสอบถามข้อมูลกับนายจ้าง ซึ่งพบว่าทางบริษัทซับคอนแทรกต์มีการส่งข้อความไปบอกเลิกจ้างจริง โดยที่ทางโรงงานไม่ได้รับทราบเรื่องนี้ และได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทางโรงงานพร้อมที่จะรับพนักงานคนดังกล่าวเข้าทำงานตามปกติ แต่ถ้าไม่ประสงค์เข้าทำงานต่อ ทางบริษัทซับคอนแทรกต์ยินดีจะจ่ายเงินชดเชย ซึ่งประกอบด้วย เงินค่าจ้าง เงินค่าล่วงเวลา เงินค่าข้าว เงินค่ากะ เงินค่าทำงานวันหยุด และเงินค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยจะไปพูดคุยกับพนักงานอีกครั้ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยัง นายบุญฤทธิ์ ชิดดีนอก หรือน้องตั้ง อายุ 20 ปี หนุ่มลูกจ้างโรงงานที่เป็นข่าว ปรากฏว่าน้องตั้งแจ้งแต่เพียงสั้นๆ ว่าตอนนี้ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าจากบริษัทซับคอนแทรกต์แล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะให้ข่าวใดๆ เพราะตอนนี้อยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในช่วงความรู้สึกแบบนี้
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นางณัชชา บุญชุมแสง อายุ 56 ปี แม่ของ น้องตั้ง ได้รับการเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีตัวแทนจากบริษัทซับคอนแทรกต์และโรงงานมาหาครอบครัวที่ ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พูดคุยกับลูกชาย เพื่อแจ้งให้ทราบว่าทางโรงงานพร้อมที่จะรับเข้าไปทำงานตามเดิม แต่ลูกชายได้ตอบปฏิเสธไป ทางโรงงานจึงได้มอบเงินค่าจ้างที่ค้างจ่ายให้ พร้อมกับจ่ายเงินค่าจ้างทดแทนบอกล่วงหน้าให้ด้วย ซึ่งตนไม่รู้ว่ารวมเป็นเงินกี่บาท เพราะลูกชายยังไม่ได้เปิดซองดู ทราบแต่เพียงว่าจะไม่เข้าไปทำงานที่เดิมแล้ว ตอนนี้เมื่อทางโรงงานมาแสดงความรับผิดชอบก็ขอให้เรื่องจบกันด้วยดี
