นครสวรรค์ – หนีตายกันสุดชีวิต..เผยนาทีรถเครนยักษ์ ลมหมด-เบรกแตก พุ่งข้ามเลนชนร้านค้าริมทางนครสวรรค์-ชุมแสง พังพินาศยับทั้งร้านข้าวขาหมู-ร้านก๋วยเตี๋ยว-ร้านขายของชำ ยันอู่ซ่อมรถ โชคดีบ้างกำลังปิดร้านบ้างเตรียมเปิด แต่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเจ็บ 1
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ รับแจ้งเหตุ รถเครนขนาดใหญ่ เสียหลักพุ่งชนร้านค้าริมถนนสายนครสวรรค์-ชุมแสง ใกล้กับห้างแม็คโคร พื้นที่ ต.นครสวรรค์ออก ของประชาชนเสียหายหลายหลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเย็นวันที่ 18 ก.ย.66 ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบรถเครน สีเหลือง ของบริษัท สุนันท์เครน จอดอยู่ในแนวขวางถนน สภาพด้านหน้ารถทิ่มเข้าหาร้านข้าวขาหมูริมทาง จนร้านได้รับความเสียหายพังยับเยิน นอกจากนี้ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านขายของชำที่อยู่ริมถนนใกล้กันอีก 2 หลัง รวมถึงอู่ซ่อมรถ และรถจักรยานยนต์ 3 คัน ก็ได้รับความเสียหายหนักด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้บาดเจ็บ มี 1 ราย ทราบว่าเป็นหญิงวัยกลางคน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ได้รับบาดเจ็บจากการถูกน้ำร้อนลวกตามร่างกายเกือบทั้งตัว เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัย รีบปฐมพยาบาลและนำตัวส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ไปก่อนแล้ว
ส่วนของคนขับรถเครนคันเกิดเหตุ ที่รออยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายพิพัตน์ อินจันทร์ อายุ 45 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ขับรถเครนของบริษัท ออกไปทำงานตามที่ได้มอบหมายในพื้นที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เมื่อเสร็จงาน จึงขับรถกลับ เพื่อเอารถไปเก็บไว้ที่บริษัท
แต่เมื่อขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่า ไม่สามารถควบคุมรถได้ เนื่องจากระบบลมของรถ ที่ควบคุมทั้งระบบเบรก และเกียร์ เสียกะทันหัน จึงทำให้ตนต้องหักพวงมาลัยหลบรถเก๋งคันหน้า จนรถเสียหลักพุ่งข้ามเลนไปชนร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนรถจะหมุนสะบัดไปกวาดเอาร้านของชำ อู่ซ่อมรถ และร้านข้าวขาหมู พังไปทั้งแถบ
“ยืนยันว่า เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจริงๆ เพราะตอนที่ขับรถออกจากงานมา ก็ยังขับได้ดีอยู่ และตนไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มมึนเมามาแต่อย่างใด”
ขณะที่ นายสายัณห์ พานรอง อายุ 66 ปี เจ้าของร้านข้าวขาหมูที่ถูกชนจนร้านพัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงที่ร้านปิดแล้ว ตนก็มัวเก็บข้าวของอยู่หลังบ้าน แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจแทบหงายหลัง เมื่อได้ยินเสียงโครมอย่างดังมาจากหน้าร้าน เมื่อเหลียวไปมอง ก็เห็นหน้ารถเครนค่อยๆ กวาดหลังคาสังกะสีของร้านตน จนพังราบลงไปกับตา
“ตอนรถเครนชนกวาดร้าน หลานสาวของตน ก็นั่งอยู่ที่หน้าร้านด้วย แต่เคราะห์ดีที่ลูกสาวผมเห็น รีบเข้าไปอุ้มหลานสาว แล้วพากันกระโจนหนีได้ทันไปอย่างหวุดหวิด ส่วนร้าน คงจะเปิดขายไม่ได้ไปอีกสักระยะ เพราะนอกจากร้านจะพังยับเยินไม่มีชิ้นดีแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ขายของต่างๆ ยังได้รับความเสียหายตามไปด้วย”
ขณะที่นายไตรรัตน์ รอดม่วง อายุ 45 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง ที่ถูกรถเครนพุ่งชนเป็นร้านแรก เปิดเผยว่า ตอนนั้น กำลังช่วยภรรยาจัดแจงร้าน เตรียมเปิดขายก๋วยเตี๋ยวในช่วงเวลากลางคืน ก็ต้องตกใจตาแทบถลน เมื่อเห็นรถเครนหักรถหลบรถเก๋ง แล้วก็เสียหลัก พุ่งเข้ามาชนร้านตนทันที
“ตนตั้งสติตั้งตัว กระโดดหลบไปที่ข้างร้านได้ทัน แต่ภรรยาดันหลบไม่ทัน เพราะหม้อก๋วยเตี๋ยวขวางทางหนีอยู่ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ถูกรถเครนชนจังๆ แต่ความแรงจากรถเครนพุ่งชนร้าน ได้ทำให้หม้อน้ำซุปล้มจากแท่นวาง จนน้ำซุปกระเซ็นไปลวกภรรยาจนได้รับบาดเจ็บเกือบทั้งตัว”
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายพิพัตน์ คนขับรถเครนไปสอบปากคำเพื่อประกอบสำนวนอย่างละเอียด ก่อนจะมีการแจ้งข้อหาต่อไปแล้ว ส่วนมูลค่าความเสียหาย พบว่า หลังเกิดเหตุ ทีมงานของบริษัทรถเครน เดินทางมาตรวจสอบ พร้อมกับกล่าวยืนยันกับฝ่ายผู้เสียหายหลายรายว่า รถเครนคันนี้มีประกัน และทางบริษัท จะรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายให้ทั้งหมด
แต่ในส่วนของสาเหตุที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัท ให้การว่า ระบบปั๊มลมของรถเครน น่าจะเสียกะทันหัน จึงทำให้รถไม่สามารถเบรกได้ จนเสียการควบคุมไปพุ่งชนร้านค้าจนเสียหายดังกล่าว ซึ่งจะมีการนำรถไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.