xs
xsm
sm
md
lg

ผู้บริหารไทยออยล์ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปิดศูนย์ปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน หลังขจัดคราบน้ำมันได้ 100% ด้านผู้บริหารไทยออยล์ ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับผิดชอบทั้งหมด หลังจากนี้เร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ทุ่น SBM 2 ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เกิดเหตุท่อน้ำมันรั่วไหล ระหว่างทำการขนถ่ายสินค้ากลางทะเล ทร. ได้เปิดศูนย์การปฏิบัติงานควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันของ ทร. ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทรภ. (ศคปน.ทรภ.1) พร้อมสนธิกำลังจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่หลังปฏิบัติการ จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 3 ก.ย. จนถึงวันนี้ (7 ก.ย.) จึงขอยุติศูนย์ดังกล่าว

พล.ร.ต.พาสุกรี วิสัยรักษ์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กล่าวว่า จากการดำเนินการดังกล่าว ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามหน้าที่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ สถานการณ์ปัจจุบันตรวจไม่พบคราบน้ำมัน ทั้งในทะเลและชายฝั่ง รวมถึงใต้น้ำบริเวณปะการังที่เป็นจุดอ่อนไหว จึงได้จัดประชุมเตรียมการในการยุติการควบคุมการปฏิบัติของ ศคปน.ทรภ.1 รวมทั้งการประชุมแถลงความตั้งใจในการปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เมื่อยุติการดำเนินการของ ศคปน.ทรภ.1 เพื่อให้กรมเจ้าท่า ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ

เนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ และบริษัทฯ รวมทั้ง หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการในการติดตามสถานการณ์เฝ้าระวัง และฟื้นฟู กรณีมีผู้ได้รับผลกระทบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป จึงขอยุติการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการปฏิบัติในการขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันของ ทร. ในพื้นที่รับผิดชอบ ของทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) เพื่อส่งมอบการดำเนินการให้ศูนย์ประสานงาน และหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะผู้บริหารกลุ่มไทยออยล์ รวมทั้งพนักงานไทยออยล์ทุกคนรู้สึกเสียใจและต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณน์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุนผูกเรือกลางทะเล (SBM-2)

ทันทีที่เกิดเหตุการณด์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ทุ่มสรรพกำลังและทรัพยากร พร้อมประสานขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขสถานการณ์ ป้องกัน และบรรเทาผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม จนทำให้สถานการณ์กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมและคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้หากบริษัทฯ ไม่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ทัพเรือภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี กองบังคับการตำรวจน้ำ ท่าเรือแหลมฉบัง ภาคีเครือข่ายจากสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกล่มุอุตสาหกรรมน้ำมัน หรือ IESG รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องให้สาธารณชนได้รับทราบ

สาหรับสาเหตุที่เกิดเหตการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดและร่วมมือกับทีมผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพี่อให้ข้อมูลชัดเจนและถูกต้อง บริษัทฯ จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐอย่างเต็มที่ในการติดตามตรวจสอบและดำเนินการต่างๆ เพี่อให้สภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตกุารณ์กล่าว

ด้านนายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่ทัพเรือภาคที่ 1 ได้จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อปฏิบัติงานขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันรั่วไหล บริเวณทุ่น SBM 2 ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ณ บริเวณทะเลอ่าวไทย อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมดำเนินการในฐานะหน่วยปฏิบัติการตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ โดยได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์คราบน้ำมันเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่ง ดำเนินการตรวจตราในพื้นที่ 1.อำเภอเกาะสีชัง บริเวณท่าเทียบเรือแหลมงู ท่าเทียบเรือล่าง หาดท่ายายทิม หาดท่าวัง เกาะขามใหญ่ เกาะค้างคาว 2.อำเภอเมืองชลบุรี บริเวณหาดบางแสน หาดวอนนภา อ่างศิลา 3.อำเภอศรีราชา บริเวณชายหาดบางพระ หาดกัปตันยุทธ ท่าเทียบเรือเกาะลอย ท่าเทียบเรือจรินท์ ปรากฏว่าไม่พบคราบน้ำมัน แนวทางปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อการฟื้นฟูในระยะต่อไป ดังนี้

1.ด้านสาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ชลบุรี เฝ้าระวังความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ โดยเก็บตัวอย่างสัตว์ทะเลจากชาวประมง ชาวบ้านที่นำมาขายหรือตลาดอาหารทะเลที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อตรวจหาสารปนเปื้อน

2.ด้านการประมง ให้สำนักงานประมงจังหวัดชลบุรี สำรวจตรวจสอบความเสียหาย ผลกระทบจากกลุ่มประมงต่างๆ และส่งเสริม ฟื้นฟูการประกอบอาชีพ ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง

3.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินมลพิษ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากคราบน้ำมัน รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการฟื้นฟู และรักษาสิ่งแวดล้อม ให้มีความสมดุลเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต และการใช้ชีวิตของประชาชน

4.ด้านการท่องเที่ยว ให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

5.การรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ กรณีมีประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวบรวมเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และจัดส่งรายละเอียดข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี เพื่อประสานบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย เผยว่า หลังจากที่มีการปิดศูนย์ ผู้บังคับบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการได้ส่งมอบหน้าที่มากรมเจ้าท่า ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการศูนย์ประสานงานต่อไป เรื่องของการดำเนินการในส่วนของการรับฟังและการประสานงาน หากมีกรณีที่มีการร้องเรียน หรือว่าผู้รับผลกระทบจะเป็นเรื่องที่จังหวัด จะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในส่วนนี้

ด้านกรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยที่ประสานจัดการเพื่อติดต่อกับไทยออยล์ และในส่วนระยะต่อไปของการฟื้นฟูจะเป็นเรื่องของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะเป็นหน่วยงานหลักในการที่จะทำแผนงาน โครงการ หรือว่าในการตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น จากเหตุน้ำมันที่รั่วไหลครั้งนี้ว่ามีอะไรบ้าง ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทางไทยออยล์ที่ได้แสดง ถึงความรับผิดชอบในการปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว และความสำเร็จครั้งนี้ต้องบอกว่าทุกหน่วยงานมีการประสานบูรณาการทำงานกันอย่างเป็นระบบ และมีการสั่งการและการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ










กำลังโหลดความคิดเห็น