ศูนย์ข่าวศรีราชา - เหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล่าสุด ไทยออยล์ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุโดยทันที พร้อมเร่งขจัดคราบน้ำมันได้แล้วกว่า 80% พร้อมยืนยันหาดพัทยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน
จากกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล Thai Oil SBM-2 ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้รับรายงานจากอรรถพร LOAD MASTER ประจำเรือ KALLISTA แจ้งว่าเวลาประมาณ 21.30 น. เกิดเหตุท่อแตก (MAIN LINE) ระหว่างทำการดิสชาร์จสินค้า (MURBAN CRUDE OIL & ARABIAN LIGHT CRUDE OIL) ให้เรือ KALLISTA (IMO 9411965) สัญชาติ ปานามา เดินทางมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย มาส่งสินค้าประเภท CRUDE OIL จำนวนประมาณ 273399.99 MT. ซึ่งจอดผูกทุ่นเทียบเรือ SBM ห่างจากเกาะสีชังไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 2.5 ไมล์ บริเวณท่าเรือ SBM 2 ทำให้น้ำมันรั่วไหลประมาณ 3 นาที และเกิดฟิล์มบนผิวน้ำประมาณ 100 ตารางเมตร ปริมาณที่รั่วไหล 70 ลูกบาศก์เมตร เจ้าหน้าที่เร่งทำการล้อมบูมน้ำมันที่รั่วไหลแล้ว และมีการใช้สารเคมีเพื่อคุมการกระจายของน้ำมัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ร่วมปฏิบัติการสกัดคราบน้ำมัน
สำหรับเรือที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ประกอบด้วย 1.Sriracha 30 2.Sriracha Offshore 882 3.Kusonrak 1 4.JC Marine 19 5.JC Marine 49 6.รัตนพร 23 7.รัตนพร 24 8.OSR 1 9.Sriracha 8 10.Sriracha 24 11.Blue Sea Marine 12.ธยันชนก และทีมเจ้าท่า คือ เรือยนต์ตรวจการณ์เจ้าท่า 804 เรือชลธารานุรักษ์
จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5.5 ไมล์ ห่างจากเกาะล้านไปทางทิศใต้ประมาณ 8 ไมล์ และห่างจากหาดพัทยาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 ไมล์ คาดการณ์น้ำขึ้นลงวันที่ 4 กันยายน 2566 น น้ำขึ้นในช่วงเวลา 08.00 น. และ 20.00 น. น้ำลงช่วงเวลา 13.00 น. ข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ ทหารเรือ
ทั้งนี้ ในช่วงสายของวันนี้ บริษัทไทยออยล์ ได้ชี้แจงว่า ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ได้ทำเร่งขจัดคราบน้ำมัน โดยล้อมบูมระยะห่างจากทุ่น 400 เมตร และจัดเรือเฝ้าระวังบริเวณที่เกิดเหตุ ทำการตรวจสอบทุก 30 นาที ยังไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าฯ ชลบุรี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ผอ.ศรชล.จ.ชลบุรี นายวีรชาติ พุทธรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ป้องกันจังหวัด สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ ลงเรือที่กองบริหารท่าเรือแหลมฉบัง โดยมี ร.ต.อ.ขจรยศ เกื้อหนุน ผู้อำนวยการกองบริการ ท่าเรือแหลมฉบัง อำนวยความสะดวก
ด้านนายธวัชชัย สีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เผยหลังจากลงเรือไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยขึ้นฝั่งมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ว่า การลงจุดเกิดเหตุตรวจสอบว่าน้ำมันรั่วไปในทิศทางใดและปริมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้วางแผนในการแก้ไขขจัดคราบน้ำมัน โดยพบว่าท่อส่งบนผิวน้ำระเบิดและแตกออกประมาณ 5 เมตร ซึ่งระบบวาล์วสามารถตัดภายในเวลา 5 นาที ซึ่งทำให้น้ำมันไหลลงทะเลเพียง 4-6 หมื่นลิตร จากความจุของเรือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก
แต่วันนี้กระแสลมแรงทำให้คราบน้ำมักระจายเร็ว ซึ่งได้เร่งขจัดคราบน้ำมันโดยใช้วิธีตัดคราบน้ำเป็นช่วงๆ ซึ่งล่าสุดสามารถขจัดคราบน้ำมันได้แล้วประมาณ 80% ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ได้กระจายไปท้ายเกาะสีชังบางๆ และและอาจไปถึงบางแสนเล็กน้อยตามทิศทางลม เนื่องจากวันนี้กระแสลมแรง ส่วนที่หาดพัทยาคราบน้ำมันไปไม่ถึงแน่นอน สำหรับคราบน้ำมันที่เห็นในวันนี้เป็นก้อนเก่าตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ วันนี้ไม่มีการรั่วไหลเพิ่มแต่อย่างใด
สำหรับแผนการจัดเก็บคราบน้ำมันที่เหลือและอาจขึ้นฝั่ง ทางคณะทำงานได้มีการวางกำลังจากกองทัพเรือประมาณ 100-200 นาย ไปเฝ้าระวังหากพบจะดำเนินการจัดเก็บทันที ตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ เบื้องต้นขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลมากนัก เพราะคราบน้ำมันที่รั่วไม่มากนัก และสามารถขจัดคราบน้ำน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้นหลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องมาหารือกัน
โดยนำบทเรียนจากระยอง ว่า สุดท้ายแล้วชาวประมงได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน อาหารทะเลมีผลกระทบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้สาธารณสุขได้ออกมาเตือนแล้วให้ระมัดระวังส่วนสารเคมีที่ใช้ในการขจัดคราบน้ำมันเป็นสารที่ใช้โดยทั่วไปและได้รับอนุมัติจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และสุดท้ายย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ส่วนเรื่องของคดีความ กรมเจ้าท่าคงแจ้งความดำเนินคดีไทยออยล์ ทั้งนี้ ได้รับการยืนยันว่า ไทยออยล์พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ด้าน สสจ.ออกประกาศแจ้งประชาชนในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง และเขตอำเภอเกาะสีชัง จากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน หากมีอาการดังต่อไปนี้ 1.ผู้ที่มีอาการอาหารเป็นพิษจากอาหารทะเล 2.ทางการหายใจ หายใจติดขัด แสบคอ คอแห้ง แสบจมูก มีน้ำมูกใสไหล มีอาการมึนงง 3.กระเด็นเข้าตา มีการระคายเคืองแสบตา ตาแดง ตาพร่ามั่ว น้ำตาไหล 4.สัมผัสทางผิวหนัง มีอาการระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดง 5.หากกลืนเข้าไป มีการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไปพบแพทย์ทันทีได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา หรือโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ดังนี้ 1.โรงพยาบาลแหลมฉบัง โทร.0-3835-1010 2.โรงพยาบาลเกาะสีชัง โทร.0-3821-6100