หนองคาย - เกษตรกรเลี้ยงโควากิวที่หนองคายเผยตลาดรับซื้อสดใส มีไม่พอขาย โคโตไม่ทันต่อความต้องการ
ต้องรับซื้อลูกวัวมาขุนเพิ่ม ด้านปศุสัตว์หนองคายแนะเกษตรกรหันมาเลี้ยงโควากิวคุ้มค่ามากกว่า แม้ต้องใช้เวลาการเลี้ยงนานกว่าโคพื้นเมืองทั่วไปที่เลี้ยงง่ายกว่าขายได้ไวกว่า
นายณัฐพล กลางวิชัย เจ้าของฟาร์ม NK วากิวศรีเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่บ้านโพนงาม หมู่ 6 ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เลี้ยงโคกำแพงแสนมาก่อน เริ่มมาปรับเป็นการเลี้ยงโควากิวแทนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เริ่มด้วยโควากิว 6 ตัว ขยายพันธุ์มาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีโควากิวอยู่ 40 ตัว และเครือข่ายเพื่อนเกษตรกรที่เลี้ยงอีกประมาณ 150 ตัว โดยทางฟาร์มจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนสูตรอาหารของฟาร์มให้แก่เกษตรกรเครือข่ายที่เลี้ยงให้
โดยนำอาหารให้โควากิวได้กินตามสูตรที่เหมาะสมเพื่อคุณภาพของเนื้อวากิวตามที่ต้องการ ทางฟาร์มจะนำโควากิวชำแหละที่โรงชำแหละอำเภอโพนพิสัย และส่งขายเอง มีลูกค้าจองล่วงหน้า มีไม่พอต่อความต้องการของตลาด
นายณัฐพลบอกอีกว่า ขณะนี้โควากิวที่เลี้ยงสามารถส่งชำแหละได้เดือนละ 7-10 ตัว โควากิวราคาอยู่ที่ 120,000-150,000 บาท ขายซาก โดยจะเลี้ยงให้ได้น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัมขึ้นไปจึงจะนำเข้าสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ยังรับซื้อลูกวัว 8-10 เดือน ราคา 105-110 บาท/กิโลกรัม หรือประมาณตัวละ 20,000 บาท เนื่องจากขณะนี้ยังขาดแคลนลูกวัวอีกเป็นจำนวนมาก เพราะการเลี้ยงโควากิวต้องใช้เวลาและความเอาใจใส่มากกว่าโคพื้นเมืองทั่วไป ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงโคพื้นเมืองที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ขายได้เร็วมากกว่า
ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ทิพยธร หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศการปศุสัตว์ ทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ฟาร์มโควากิวของนายณัฐพลเป็นฟาร์มที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย เพราะเล็งเห็นถึงความตั้งใจและคุณสมบัติของเกษตรกรที่จริงจังกับการเลี้ยงโควากิวเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากโควากิวเป็นที่ต้องการของตลาด ผู้บริโภคนิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื้อโควากิวยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้นเมื่อเกษตรกรตั้งใจเลี้ยงโควากิว ซึ่งต้องหมั่นดูแลและใช้เวลามากกว่าเลี้ยงโคพันธุ์พื้นเมือง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากว่ามาก หากเกษตรกรต้องการเลี้ยงโควากิว ปศุสัตว์ยินดีให้คำแนะนำ