พิจิตร - “ส.ว.กิตติศักดิ์” เลี่ยงโหวตนายกฯ-เฝ้าสังเกตการณ์ “บิ๊กโจ๊ก” นำตัวแทนทุกฝ่ายเปิดกุฏิตรวจทรัพย์สินวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พร้อมย้ำให้มวลชนคืนวัด แต่ล่าสุดปมขัดแย้งส่อยืดเยื้อต่อ คณะเจ้าอาวาสฯ ต้องพากันออกจากวัดทันทีหลังคณะรอง ผบ.ตร.กลับ
วันนี้ (22 ส.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมด้วยนางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี, พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายชิตชัย สุทธิภูล ผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลาย, นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายเชิดศักดิ์ ทองหนัน ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลงจอดที่หน้า สภ.โพทะเล จ.พิจิตร
จากนั้นได้ร่วมกับนายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าฯ พิจิตร, พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าไปภายในวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน (วัดหลวงพ่อเงิน) ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร โดยมีกำลังตำรวจประมาณ 150 นายดูแลรักษาความเรียบร้อย
และเมื่อคณะเดินเข้าประตูวัดบางคลาน ก็พบ ส.ว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ยืนอยู่กับมวลชนที่ปักหลักยึดวัดมาตั้งแต่ 6 เม.ย. 66 ไม่ยอมให้พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เข้าวัด แม้วันนี้เป็นวันประชุมสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.กิตติศักดิ์ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นห่วงชาวบ้านกลุ่มนี้มากกว่าจึงไม่ได้เข้าประชุมสภา เพราะขาดตนเพียงแค่เสียงเดียวการโหวตนายกฯ ก็ทำกันได้
ต่อมา “บิ๊กโจ๊ก” และคณะ ก็ได้เดินไปถึงกุฏิไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเนื่องจากเป็นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสที่ต่างฝ่ายต่างบอกว่ามีทรัพย์สิน วัตถุมงคล โบราณวัตถุ งาช้าง ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบจึงได้ดำเนินการเรียกตัวแทนเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ลูกศิษย์อดีตเจ้าอาวาส และฝ่ายราชการ คือ สำนักงานบังคับคดี และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมตรวจทรัพย์สิน โดยไม่มีชื่อ ส.ว.กิตติศักดิ์ร่วมตรวจสอบ เพราะไม่ใช่คู่ความหรือคู่กรณีกัน
และเมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้น “บิ๊กโจ๊ก” ก็ได้ใช้โทรโข่งประกาศให้ทุกฝ่ายทราบว่าทรัพย์สินในกุฏิมีจำนวน 116 รายการ อยู่ครบ
หลังจากนั้นได้ให้ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส ร่วมกันไปเปิดกุฏิ 3 ฤดู ซึ่งเป็นกุฏิของเจ้าอาวาสที่ถูกกลุ่มมวลชนต่อต้านยึดและใส่กุญแจ เพื่อเปิดให้เจ้าอาวาสได้เข้าใช้กุฏิและยังได้ไปเปิดทุกจุดที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึด
พร้อมกันนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังได้ชี้แจงต่อชาวบ้านฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสประมาณ 200 คน ที่วันนี้พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเป็นทีมเดียวกันให้ได้เข้าใจว่า ตนมาเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นคนกลางเจรจา ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่ได้รับแต่งตั้งถูกกฎหมายของคณะสงฆ์จะต้องเข้าวัดทำหน้าที่ได้ วัดจะต้องเปิด-ปิด ตามเวลาที่กำหนด บุคคลภายนอกที่ไม่ข้องเกี่ยวจะเข้ามาปักหลักกินอยู่หลับนอนภายในวัดไม่ได้ แต่จะให้มีตัวแทนทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ให้อยู่ภายในวัด
ขณะที่ฝ่ายชาวบ้านต่อรองว่าจะขอส่งตัวแทนฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสจำนวน 10 คน ให้สามารถนอนใต้ถุนกุฏิไม้ที่มีทรัพย์สินของอดีตเจ้าอาวาสและหลวงพ่อเงิน เพราะเกรงว่าฝ่ายเจ้าอาวาสจะเอาทรัพย์สินไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันต่อหน้า “บิ๊กโจ๊ก” ว่าให้เป็นไปตามนั้น
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยดี หลังใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการตรวจสอบทรัพย์สิน-เจรจาพูดคุย แต่ปรากฏว่าคล้อยหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมคณะ เดินออกจากประตูวัดหลวงพ่อเงินบางคลานในเวลาประมาณ 16.30 น.เท่านั้น กลุ่มชาวบ้านก็ยังคงปักหลักอยู่เหมือนเดิม โดยมี ส.ว.กิตติศักดิ์ร่วมด้วย
จนในที่สุด พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และคณะกรรมการวัด รวมถึงทนายความฝ่ายกฎหมายของวัดที่มีไม่ถึง 10 คน ต้องตัดสินใจขับรถออกจากวัดมาด้วยเช่นกัน
