ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันที่ 1-2 สิงหาคมที่ป่านมา ซึ่งเป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีไทยสมัยพุทธกาลที่สืบทอดมา ที่วัดหิรัญญารามหรือวัดบางคลาน หรือวัดหลวงพ่อเงิน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ชาวบ้านบางคลาน ต.บางคลานตลอดจนนักท่องเที่ยวกว่า 500 คน ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันทำบุญเลี้ยงพระสงฆ์บริเวณศาลาการเปรียญ ก่อนที่จะร่วมกันทำพิธีตักบาตรเทโว ด้วยอาข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำตาล โดยของที่เหลือจากการตักบาตรเทโวครั้งนี้ และอาหารที่เหลือจากพระฉันแล้ว ส่วนหนึ่งทางวัดจะแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่มาร่วมบุญนำกลับบ้านแจกลูกหลานกิน และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปถวายวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ชาวบ้าน ตลอดจนนักท่องเที่ยวจำนวนมายังได้เดินทางมาที่วัดร่ว ทำบุญ เนื่องในวันพระใหญ่ และเข้าพรรษา โดยพาครอบครัวเดินทางด้วยรถตู้และรถส่วนตัวพากับมากราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อเงิน ที่ประดิษฐานไว้บริเวณวิหารหลวงพ่อเงิน เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะเดินทางกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัดและ กทม. ในด้านการรักษาความปลอดภัย
พล.ต.ต.กำธร จันที ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจังหวัดพิจิตร ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศุภากรณ์ บุญคง ผู้กำกับการตำรวจภูธรโพทะเล จัดกำลังตำรวจสายตรวจออกดูแลความสงบและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวบริเวณวัดบางคลาน ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันมือที่สามที่มีข่าวว่าจะเข้ามาก่อกวนสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา จนถึงขณะนี้มีไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาทำบุญที่วัดบางคลาน ได้ตามปกติ
ชาวบ้าน ต.บางคลาน อ.โพทะเล หลายราย ที่เข้ามาร่วมทำบุญที่วัดบางคลาน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมานี้ชาวบ้านบางคลานรู้สึกได้ว่ามีความสุขและมีรอยยิ้ม ตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ผู้บริหารวัดชุดที่ชาวบ้านไม่ต้องการได้เข้ามาบริหารวัด ชาวบ้านไม่มีโอกาสได้เข้ามาทำบุญใหญ่ๆแบบนี้ มีแต่เรื่องความขัดแย้งและแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านที่คัดค้านหลายสิบคดี แม้กระทั่งพิธีเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชาเมื่อวานประตูโบสถ์ก็ปิดตลอดโดยกุญแจอยู่ที่ผู้บริหารวัด ขอให้บารมีหลวงพ่อเงิน ทำให้วัดบางคลานเป็นวัดบางคลาน ที่ชาวพุทธสามารถเข้ามาทำบุญได้ตลอดเวลา ชาวบ้านมีความสามัคคีกลมเกลียว พร้อมทั้งขอให้ “บิ๊กโจ๊ก” นำคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินจากส่วนกลางลงมาตรวจสอบให้ไวๆ และขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของฝ่ายเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรตลอดจนคนใกล้ชิดว่า 8-9 ปี รวยเพิ่มขึ้นหรือจนลง และขอให้ตรวจสอบฝ่ายชาวบ้านที่ต่อต้านด้วย จะได้เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย