บุรีรัมย์ - แม่ชาว อ.ลำปลายมาศใจแทบสลาย "น้องดิว" ลูกสาว 2 ขวบเศษป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวต้องหยุดทำงานพาลูกไปรักษาทั้งคีโมบำบัด ฉายแสงจนผมร่วงหมดหัว ล่าสุดหมอบอกให้ทำใจและพาลูกกลับบ้าน แต่แม่ยังเชื่อจะมีปาฏิหาริย์ อยากพาไปรักษาต่อจนวาระสุดท้ายแต่ไม่มีเงิน
วันนี้ (13 ส.ค.) ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวที่สุดสะเทือนใจว่า “ใจมันสลายแล้ว เชื้อกลับมาเต็มที่ คุณหมอหยุดรักษาหยุดให้ยาทำได้แค่ประคับประคอง ให้พาน้องดิวกลับมาอยู่บ้าน ให้กินทุกอย่างที่น้องอยากกิน อยากไปเที่ยวไหนก็พาไป คำที่ไม่อยากได้ยิน สู้มาจน 2 ปีกว่า มาเจอแบบนี้ใจมันสลาย กลับไปอยู่บ้านเรานะลูก แม่จะหาเงินพาหนูไปเที่ยวทะเลที่หนูอยากไป ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราให้มีความสุข” มีคนเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ บอกว่าลูกสาววัย 2 ขวบเศษป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวรักษามา 2 ปี แต่ล่าสุดหมอบอกให้ครอบครัวทำใจเพราะไม่มีทางรักษา หัวอกคนเป็นแม่ยังทำใจไม่ได้ที่จะสูญเสียลูกวัยเพียง 2 ขวบเศษไป ยังอยากพาลูกไปรักษาต่อจนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย แต่ไม่มีเงินเพราะตั้งแต่ลูกป่วยพ่อกับแม่ก็แทบจะไม่ได้ทำงานต้องหยุดงานพาลูกไปรักษา
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านโคกสว่าง ต.ผไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบ น.ส.เบญจมาศ สีหวงษ์ หรือเบญ อายุ 24 ปี และนางสงบ ประหลาดลาภ อายุ 64 ปี แม่ และยายของ ด.ญ.กัญญาณัฐ สาธร หรือน้องดิว ปัจจุบันอายุ 2 ขวบ 11 เดือนที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งสภาพภายนอกที่เห็นน้องดิวอาจจะดูเหมือนเด็กทั่วไปไม่ได้แสดงอาการให้เห็นและน้องเป็นคนใจสู้มาก แต่หมอบอกว่าเชื้อกระจายไปทั่วแล้วตอนนี้ไม่มียาตัวไหนที่จะสามารถรักษาได้ หากทำคีโมหรือฉายแสงต่อจะยิ่งทำให้ร่างกายทรุด ตอนนี้ทำได้แต่ประคับประคองเท่านั้น ส่วนผมที่ร่วงทั้งศีรษะเป็นผลจากการฉายแสง
น.ส.เบญจมาศ ผู้เป็นแม่ เล่าว่า ตอนลูกสาวอายุ 11 เดือนมีก้อนเนื้อโผล่ที่บริเวณศีรษะ จึงพาลูกไปหาหมอที่ รพ.ลำปลายมาศ แต่ไม่มีหมอเฉพาะทางจึงได้ส่งตัวไป รพ.บุรีรัมย์ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์หมอได้นัดผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อไปตรวจที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ผลตรวจพบน้องป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเกิดจากโครโมโซม หรือยีนผิดปกติ แต่ตอนนั้นหมอบอกว่ายังมีโอกาสรักษาหายเพราะตรวจเจอเร็ว และเป็นชนิดที่ไม่รุนแรง
จากนั้นก็ทำการรักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ด้วยการให้คีโม ต้องเดินทางไปสัปดาห์เว้นสัปดาห์ตลอด 1 ปี หมอก็ให้ยามากินควบคู่กับให้คีโมไปด้วย รักษาไปเรื่อยหมอแจ้งว่าอาการน้องดีขึ้นไม่เจอเชื้อแล้ว กระทั่งปลายปี 2565 จู่ๆ เชื้อก็กลับมาอีกทาง รพ.บุรีรัมย์จึงส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น หมอรักษาด้วยการให้คีโมและฉายแสง แล้วกลับมารักษาต่อและรับยาที่ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
กระทั่งล่าสุดวันที่ 10 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ไปฟังผลที่หมอเจาะไขสันหลังไปตรวจ แจ้งว่าเชื้อมะเร็งกลับมาอีกและรอบนี้มามากกว่าเดิมไม่มียาตัวไหนที่เข้ากับน้องได้ และหากยังรักษาต่ออาจจะทำให้ร่างกายน้องทรุดกว่าเดิม พอได้ยินแบบนั้นทั้งตนและสามีร้องไห้เพราะทำใจไม่ได้ จากนั้นพาน้องกลับบ้านตามที่หมอแนะนำ พอมาอยู่ที่บ้านลูกจะเดินมากอดแม่ กอดยาย กอดพี่ชาย และกอดลูกพี่สาวแล้วก็จะถามว่า “รักหนูมั้ย” ทุกคนก็น้ำตาไหลเพราะน้องถามเหมือนจะบอกลาทุกคน หักอกคนเป็นแม่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะสูญเสียลูกสาวไปด้วยวัยเพียง 2 ขวบเศษ
ตนขอบคุณหมอพยาบาลทุกคนที่ดูแลรักษาลูกเป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นไปได้หากมี รพ.ไหนที่สามารถรักษาลูกได้หรือสามารถยืดระยะเวลาลมหายใจให้กับน้องดิวได้นานกว่านี้ ตนก็อยากพาลูกไปรักษา แต่ไม่มีเงินเพราะตอนนี้ตนกับสามีไม่ได้ทำงานต้องผลัดกันไปเฝ้าลูกที่ รพ. และตนเองก็ท้องได้ 8 เดือนด้วย เงินที่ใช้กินอยู่และค่ารถพาลูกไปแต่ละครั้งคนในครอบครัวให้ หยิบยืมเขาบ้าง ผู้ใจบุญให้บ้าง ส่วนตัวอยากให้มีปาฏิหาริย์ให้สามารถรักษาลูกได้
หากใครอยากจะช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายกินอยู่และค่ารถพาน้องดิวไปรักษาต่อก็สามารถบริจาคได้ที่ หมายเลขบัญชี 589-4-19239-1 ชื่อบัญชี น.ส.เบญจมาศ สีหวงษ์ บัญชีออมทรัพย์ สาขานิคมพัฒนา ธนาคารกรุงเทพ