เพชรบูรณ์ - ที่ปรึกษาฯ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ บอกเห็นของจริงแล้วอึ้ง..”ผาหัวสิงห์ทับเบิก” ของจริงน่าหดหู่กว่าในข่าว เล็งศึกษาจัดโซนนิ่งรีสอร์ต-โฮมสเตย์ภูทับเบิกใหม่อีกครั้ง พร้อมยืนยันมีรื้อถอนแน่
ความคืบหน้ากรณีตำรวจป่าไม้ บก.ปทส. (ตำรวจสอบสวนกลาง) ได้สนธิกำลัง จนท.ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.18 (น้ำชุน), ชุดปฏิบัติการป่าไม้พิเศษเพชรบูรณ์, ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า และอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ตรวจยึดสิ่งก่อสร้างใหม่-รีสอร์ต บนที่ดิน 2 แปลง ใกล้ผาหัวสิงห์ ภูทับเบิก บ้านเนิน หมู่ 8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เมื่อ 19 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยไม่มีผู้ต้องหา
ล่าสุด ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยหลังยกคณะป่าไม้และอุทยานฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ บ่ายวานนี้ (26 ก.ค. 66) ว่า ไม่ใช่ยึดเพราะพี่น้องประชาชนแจ้งข่าว จริงๆ แล้วกรมป่าไม้-อุทยานฯ มีการตรวจยึดและจับกุมผู้บุกรุกพื้นที่ป่ามาตลอด
แต่ก็ยอมรับว่าพื้นที่ภูทับเบิกได้รับเบาะแสจากประชาชนหลายครั้ง ซึ่งพอลงพื้นที่มาเจอสภาพความเป็นจริง เห็นอาคารสูงเกิดขึ้นใหม่ บอกได้เลยว่า..หดหู่กว่าในข่าวอีก และเมื่อได้รับฟังการรายงาน รวมถึงประชุมร่วมกับหน่วยต่างๆ แล้ว ก็จะต้องเร่งทำตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างรัดกุม
“ยอมรับว่าการจับกุมรีสอร์ตสร้างใหม่ใกล้ผาหัวสิงห์ ภูทับเบิกเมื่อเร็วๆ นี้ไม่มีผู้ต้องหา จับลอยๆ จับพื้นที่ไว้ก่อน แต่ล่าสุดได้รับรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจที่เข้าไปฝังตัวในพื้นที่หลายวัน ระบุว่าทราบชื่อและที่อยู่ผู้กระทำผิดแล้วว่าใครเป็นผู้ก่อสร้างอาคาร ยืนยันว่าจะต้องรื้อถอน”
ต่อข้อซักถามที่ว่า กรณีมีผู้ประกอบการบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการทุบรื้อเพราะจะกระทบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภูทับเบิก ที่ปรึกษา รมว.ทส.ระบุว่า จะต้องทำใจเป็นกลาง เข้าใจว่ารายได้จากการท่องเที่ยว ตอนนี้เป็นรายได้หลักของประเทศ ทางรัฐมนตรีก็ทราบดีว่าบริเวณใดควรส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว หรือบริเวณใดควรเก็บป่าอนุรักษ์ไว้ เพราะป่าไม่เหลืออยู่แล้ว
ฉะนั้นเราจึงพูดกันไปถึงการจัดโซนนิ่ง ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ปัญหาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อนาคตเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือผู้ปฏิบัติงานจะได้ไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมอีกต่อไป ส่วนพื้นที่ใดจะจัดให้เป็นที่พักรีสอร์ตหรือโฮมสเตย์เพื่อสร้างเม็ดเงินจากการเที่ยวสู่ท้องถิ่นหรือประเทศไทย ก็จะต้องศึกษาจัดระเบียบอีกครั้ง
ที่ปรึกษา รมว.ทส.ย้ำว่า..วันนี้ต้องกล้าฟันธง อย่าเยิ่นเย้อ!
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า พบสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดอยู่แล้ว พื้นที่นี้ (ภูทับเบิก) อยู่ในพื้นที่ป่าลุ่มน้ำ 1A คงปล่อยให้สร้างรีสอร์ตอย่างนี้ไม่ได้ หากทำได้ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน ตนก็เป็นนักวิชาการ พิจารณาจากความลาดชันแล้ว คงไม่เหมาะสมแน่
"ผาหัวสิงห์" เป็นชะง่อนหิน เหมือนภูเขาหิน "ภูกระดึง" โดยส่วนหัวตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ส่วนตัวและหางอยู่ในเขตป่า ปี 2484 เริ่มถูกบุกรุกพื้นที่ทางขึ้นตั้งแต่ปี 61 ต่อเนื่องปี 63 และล่าสุดปี 66 ซึ่งที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมาย จับกุมผู้บุกรุกเมื่อปี 63 จำนวน 3 คดี มีผู้ต้องหา แต่ปี 64 มีการจับกุมจำนวน 4 คดีแต่ไม่มีผู้ต้องหา เนื่องจาก จนท.ป่าไม้ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ถูกปิดล้อมยกทีม ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ ทำให้การจับกุมล่าสุดจึงไม่มีผู้ต้องหา
ขณะที่แนวทางแก้ไขด้วยการสำรวจสิทธิถือครองบนที่ดินภูทับเบิก ไม่สามารถจะแก้ไขด้วย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 เพราะว่าแม้คดีจบไปก็รื้อถอนไม่ได้ เพราะเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ 2484 ไม่มีอำนาจให้รื้อถอน สุดท้ายจึงต้องมาใช้คำสั่ง 35/59 ซึ่งคำสั่งนี้ระบุให้ผู้ว่าราชการจังหวัด, นายอำเภอหล่มเก่า, ผอ.สจป.ที่ 4 (พิษณุโลก), โยธาจังหวัดฯ และ พม.จังหวัด มีอำนาจในการลงนามให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งที่เป็นอันตรายกีดขวาง และให้กลับคืนสู่สภาพป่าเหมือนเดิม
และการตรวจยึดสิ่งปลูกสร้าง-รีสอร์ตใกล้ผาหัวสิงห์ ภูทับเบิก รอบนี้..คงไม่ง่ายนักที่ใช้คำสั่ง 35/59 นี้ แต่ก็คงไม่ปล่อย ให้รีสอร์ตเกลื่อนภูทับเบิก เกิดทัศนะอุจาดไปมากกว่านี้ เพราะหากเปรียบเทียบ "ผาหัวสิงห์" วันวาน กับวันนี้..แตกต่างไปมาก จนแม้แต่ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ เห็นแล้วถึงกับร้อง..โอ้โห!!