ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจเมืองขอนแก่นแจ้ง 5 ข้อหา หนุ่มตระกูลดังวัย 36 ปี เสพยาไอซ์จนหลอน ก่อนขับรถยนต์ไฟฟ้าชนรถประชาชนและรถตำรวจได้รับความเสียหาย 6 คัน พบประวัติเพิ่งพ้นโทษจากคดีเสพยาเสพติด แต่กลับมาเสพยาอีก จนเกิดอาการหลอนว่าจะมีคนมาทำร้าย
พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าในคดีที่นายบวรวงศ์ ไกรฤกษ์ อายุ 36 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 499/42 หมู่ 2 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขับรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ ออร่า กู๊ด สีเทา หมายเลขทะเบียน ขน 1000 ขอนแก่น พุ่งชนรถยนต์ของประชาชนและรถตำรวจสายตรวจ ได้รับความเสีย รวม 6 คัน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.20 น.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ในเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากประชาชน ซึ่งทราบภายหลังว่าคือบิดานายบวรวงศ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถยนต์พุ่งชนแผงกั้นทางเข้าออกประตูของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่นายบวรวงศ์ พักอาศัยอยู่ และนายบวรวงศ์ มีอาการคลุ้มคลั่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสกัดจับด้วย หลังรับแจ้งเหตุจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม เจ้าหน้าที่สายตรวจ และชุดสืบสวน ลงพื้นที่ติดตามสกัดจับ
ซึ่งในระหว่างการติดตามตัว ก็ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีรถยนต์ขับเฉี่ยวชนรถยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน อีกทั้งคนขับยังขับรถยนต์หลบหนีไปตาม ถนนศรีจันทร์-หน้าเมือง-หลังเมือง-รอบเมือง-รื่นรมย์ และประชาสโมสร ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามได้ทันที่บริเวณศาลหลักเมือง แต่คนขับก็ยังไม่ยอมหยุดรถ และได้ขับรถหลบหนีเข้าไปในซอยสุภธีระ เขตเทศบาลนครขอนแก่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ พร้อมรถ 20 ที่ขับสวนทางมาในระยะกระชั้นชิด จึงได้ใช้ท้ายรถยนต์สายตรวจ 20 จอดขวางไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถ แต่คนขับกลับขับรถยนต์พุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับความเสียหาย ก่อนจะเสียหลักไปชนรถยนต์ของประชาชนที่จอดอยู่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุ เอาไว้ได้ในเวลาต่อมา จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย 6 คัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหนักจากเหตุการณ์นี้
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า จากการสอบถามบิดาของนายบวรวงศ์ ทราบว่า นายบวรวงศ์ เคยมีประวัติเสพยาเสพติด (ไอซ์) และถูกจับกุมดำเนินคดี ก่อนจะพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากพ้นโทษออกมาก็กลับมาเสพยาเสพติดอีก และในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา นายบวรวงศ์ ก็เริ่มมีอาการทางจิตจนเกิดการอาละวาด ซึ่งบิดาของนายบวรวงศ์ ก็ได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการลงบันทึกในบัญชีกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง เป็นผู้ป่วยทางจิตจากการใช้สารเสพติด ตามโครงการนาคาพิทักษ์รักษ์ประชา ของตำรวจภูธรภาค4
โดยนายบวรวงศ์ ก็ได้เข้ารับการรักษาและทานยาของ โรงพยาบาลจิตเวชมาโดยตลอด กระทั่งออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ซึ่งอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้มาอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมกับผู้ปกครอง แต่ก็แอบกลับไปใช้สารเสพติด คือ กลับไปเสพยาไอซ์อีก ซึ่งจากการสอบสวน นายบวรวงศ์ ก็ให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้เสพยาไอซ์จริง และเกิดอาการหลอนว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงขับรถยนต์หนีออกมาจากคอนโดมิเนียมแล้วเกิดเหตุการณ์การขึ้นตามที่ปรากฏเป็นข่าว
เบื้องต้น ได้แจ้งข้อฐานความผิดใน 5 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย, ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว, ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี, ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, เป็นผู้ขับขี่มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ในร่างกาย โดยผิดกฎหมาย.