บุรีรัมย์ - อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ร่วม อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ดีเดย์ขยายวันเปิดจุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี เป็นตลอด 7 วัน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวชายแดนเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝั่ง พร้อมเดินหน้าผลักดันยกระดับเป็นด่านผ่านแดนถาวร เผยฝั่งไทยยังติดปัญหาข้อ กม.และอยู่ในเขตอุทยานฯ ผืนป่ามรดกโลก
วันนี้ (4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะ ที่จุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ในโอกาสเดินทางมากระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมทั้งได้หารือแนวทางการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ราชอาณาจักรไทย กับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ แต่ฝั่งไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก (ดงพญาเย็น-เขาใหญ่) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนขอเพิกถอนพื้นที่และขอใช้พื้นที่ป่าไม้บางส่วน ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันทางด้านฝั่งไทยอนุญาตให้เฉพาะประชาชนอำเภอบ้านกรวด กับประชาชนชาวกัมพูชาสามารถข้ามแดนเพื่อติดต่อซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันได้เท่านั้น โดยล่าสุด จ.บุรีรัมย์ ได้อนุมัติเพิ่มวันเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี จากเดิม 5 วัน เวลา 08.00-15.00 น. ขยายเป็น 7 วัน หรือตลอดทั้งสัปดาห์ เวลา 08.00-15.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2566 เป็นต้นไป ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว
โดยทั้งสองฝ่ายจะได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้าที่จุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี ให้การค้าขายคึกคักมากกว่านี้ จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า ที่ตัวแทนทั้งสองฝั่งมาพบกันในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการขยายวันเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ได้ลงนามในคำสั่งให้เปิดทำการค้าขายได้ 7 วัน เหมือนที่เคยเปิดเมื่อปี 2557 แต่พอเจอสถานการณ์โควิด-19 ระบาดก็ได้ปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวเมื่อปี 2563 พอสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2565 แต่ช่วงนั้นเปิดเพียง 5 วันก่อน กระทั่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ลงนามในคำสั่งให้สามารถเปิดทำการค้าขายร่วมกันได้ตลอด 7 วัน
วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝั่งจึงได้มาหารือแนวทางดำเนินการร่วมกัน ส่วนการผลักดันให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันหลายฝ่าย เพราะไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ซึ่งทางอำเภอและจังหวัดก็พยายามหาแนวทางเพื่อให้สามารถเปิดเป็นด่านผ่านแดนถาวรในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฝั่งกัมพูชาเขาได้เปิดเป็นด่านผ่านแดนถาวรแล้ว ซึ่งนายอำเภอบันเดียอัมปึลท่านเสนออยากให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าไปในอำเภอบ้านกรวดได้ โดยเฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยอยากเข้าไปรักษาพยาบาลซึ่งเขาพร้อมที่จะจ่ายค่ารักษา จากเมื่อก่อนเคยให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกันอยู่แล้ว ทั้งยังได้เสนออยากให้ประชาชนในทุกอำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์สามารถเข้ามายังจุดผ่อนปรนดังกล่าวได้เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังอนุญาตแค่คนในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเท่านั้น ทั้งที่ฝั่งกัมพูชาเขาเปิดเสรีแล้ว
นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา บอกว่า ขอขอบคุณทางอำเภอบ้านกรวด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ขยายวันเปิดด่านเปิดตลอดทั้งสัปดาห์ หากเป็นไปได้ทางฝั่งกัมพูชาอยากให้ไทยได้ยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น