บุรีรัมย์ - รวบแล้วโจรแสบ ปลอมเป็นพระทำทีบีบนวดก่อนฉกเงินเจ้าอาวาสวัดดัง อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์ กว่า 1 แสน สารภาพสิ้นเคยบวชเป็นพระแต่ได้สึกออกมาใช้ชีวิตกับภรรยา ทำอาชีพค้าขายผลไม้ อ้างหมุนเงินค้าขายไม่ทันจึงแต่งกายเลียนพระก่อเหตุ ตอนนี้เหลือเงินแค่ 90,000 บาท
วันนี้ (3 ก.ค.) ความคืบหน้ากรณีคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ อายุประมาณ 50 ปี แต่งกายปลอมเป็นพระ ทำทีเข้าไปกราบไหว้ปรนนิบัติบีบนวด และชงน้ำผึ้งให้ พระอาจารย์มงคล จัตสันโณ อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านบุตาพวง ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ฉัน ก่อนที่เจ้าอาวาจะรู้สึกมึนๆ งงๆ แล้วชายที่ปลอมเป็นพระก็เข้าไปก่อเหตุลักขโมยเงินที่หลวงพ่อเก็บไว้ในกุฏิกว่า 1 แสนบาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดช่วงบ่ายของวันที่ 28 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด พ.ต.ท.จักรกริช รังพงษ์ สารวัตรใหญ่หัวหน้าสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ถาวร ร่วมกับชุดสืบภาค 3 ไปติดตามจับกุมนายภานุพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นชาว ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ขณะหลบหนีอยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางเงินสดที่ขโมยไป 9 หมื่นบาท และจีวรพระที่ไว้สวมใส่ขณะก่อเหตุอีกหลายผืน จากนั้นได้ควบคุมตัวมาที่ สภ.ถาวร ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนนายภานุพงศ์ให้การรับสารภาพว่า ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ เพราะก่อนหน้านี้เคยบวชเป็นพระ มีใบสุทธิพระ แต่ได้สึกออกมาใช้ชีวิตกับภรรยา ทำอาชีพค้าขายแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงได้แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์เข้าไปทำทีตีสนิทกับพระผู้ใหญ่ที่สูงอายุ แล้วฉวยโอกาสเข้าไปลักขโมยเงิน โดยอ้างว่าเงินที่ฉกไปจากเจ้าอาวาสแค่ 120,000 บาท ก็นำไปลงทุนค้าขายผลไม้กับภรรยา ตอนนี้เหลือเงินแค่ 90,000 บาท
หลังสอบสวนได้นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้แจ้งข้อหา "ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" หรือ "รับของโจร" และ "แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุสามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ"
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามพระอาจารย์มงคล จัตสันโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านบุตาพวง ก็บอกว่า รู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว ก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายด้วยที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเงินที่หายหลวงพ่อไม่ได้นับ แต่จำได้ว่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท หากเงินยังเหลือก็อยากได้เงินคืน ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป
นางอุทัย อาจเอื้อม อายุ 47 ปี ชาวบ้านที่มาให้กำลังใจเจ้าอาวาส บอกว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้ไปบนบานหัวหมูไว้กับศาลเจ้าที่วัดตามความเชื่อ พร้อมกันนี้ทางวัดจะติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่พระที่วัด