แม่ฮ่องสอน - เกือบ 3 สัปดาห์แล้ว..ที่ชาวพม่าต้องหนีภัยการสู้รบทะลักเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยทั้ง 4 แห่งของแม่ฮ่องสอนอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีรายงานการสู้รบในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไม่หยุด ล่าสุดมีแววทะลักเข้ามาที่แนวชายแดนด้านอำเภอเมืองเพิ่มอีก
วันนี้ (2 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังคงต้องระดมกำลัง เข้าดูแลช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา ที่ทะลักหนีตายเข้ามาขอหลบภัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทั้ง 4 แห่ง ใน 2 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังคงมีรายงานการสู้รบของกองกำลังผสมชนกลุ่มน้อยรัฐคะยาต่อต้านรัฐบาลเมียนมากับทหารของรัฐบาลเมียนมา เกิดขึ้นไม่หยุด มีรายงานการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการรุกเข้ายึดคืนของพื้นที่ที่ทางกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ใช้การต่อสู้ด้วยอาวุธประจำกาย เข้าปะทะกับทหารของรัฐบาลเมียนมาที่ใช้การโจมตีด้วยอากาศยานเป็นหลัก เพื่อเข้าทำลายในพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่หลบซ่อนโจมตี
ส่งผลทำให้พื้นที่ในหลายเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งที่เมืองผาจอง น้ำมาง ลอยก่อหรือที่อำเภอแม่แจ๊ะ จากภาพของเว็บไซต์ของกองกำลังกะเหรี่ยงที่เผยแพร่ออกมาจะเห็นสภาพความเสียหายของแต่ละเมืองอย่างชัดเจน และยังมีแนวโน้มกระทบไปอีกหลายจุดตลอดแนวตรงข้ามแม่ฮ่องสอน
พระภิกษุรูปหนึ่งที่เดินทางพร้อมกับชาวกะเหรี่ยงเมียนมารายอื่นๆ เข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยบ้านพะแข่ ต.แม่กิ๊ อ.ขุนยวม เปิดเผยว่า มาจากวัดที่น้ำมางที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมาราว 3-4 คืนกว่าจะถึงพื้นที่ปลอดภัยที่นี่ เส้นทางก็ยากลำบาก เฉพาะตัวเองก็เดินไม่ไหว ทางเดินมีแตกดินโคลนเพราะเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ต้องอาศัยชาวบ้านแบกหามมา ส่วนหมู่บ้านชุมชนที่เคยอยู่จะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ทันได้สำรวจ เพราะมีการปะทะกันทุกวัน ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน พระในวัดก็ต้องหลบหนีกันออกมาทั้งหมด
ขณะที่ชาวบ้านผู้หนีภัยการสู้รบหลายราย ก็เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ตนเองต้องเดินทางออกมาจากที่แม่แจ๊ะ บ้านกลางและบ้านน้ำมาง ที่จะต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 1 วันจึงจะมาถึงที่นี่ ตอนนี้มากันราว 700-800 คนแทบจะหมดบ้านแล้ว ชาวบ้านที่เหลือก็คงจะเดินทางมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด
ซึ่งการปะทะกันนั้นทางเมียนมาจะใช้การโจมตีด้วยเครื่องบิน บางแห่งก็ยึดได้บางแห่งก็ยังเข้ายึดไม่ได้ แต่บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างคงได้รับความเสียหายหมดแล้วแทบไม่มีอะไรเหลือ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะยาวนานขนาดไหน
ล่าสุดมีกลุ่มผู้หนีภัยชาวกะเหรี่ยงคะยาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้านตรงข้ามกับบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางเข้ามาขอหลบภัยที่พื้นที่ใกล้กับช่องทางห้วยโปงเลา จำนวน 146 ราย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง เด็ก และคนชรา ทางเจ้าหน้าที่ได้กันให้พักอยู่ในเขตปลอดภัย และฝ่ายปกครองของที่ว่าการอำเภอเมืองได้จัดสิ่งของบรรเทาทุกข์จำพวกข้าวสาร อาหารสำเร็จรูปและน้ำดื่มไปให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมกับกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว และหากพบว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงก็จะผลักดันกลับต่อไป
ด้านศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานว่า ปัจจุบัน (ค่ำวันที่ 30 มิ.ย.) มีผู้หนีภัยการสู้รบเข้ามาขอหลบภัยในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้ง 4 แห่ง จำนวน 4,876 คน แยกเป็นที่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จำนวน 3,270 คน บ้านอุนุ ต.แม่คง จำนวน 316 คน บ้านจอปร่าคี หมู่ที่ 9 ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 492 คน และบ้านพะแข่ ต.แม่กี๊ อ.ขุนยวม จำนวน 789 คน
ทั้งนี้ กิ่งกาชาดของทั้ง 2 อำเภอยังคงเปิดรับบริจาคสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนที่ภายในพื้นที่ปลอดภัยแต่ละแห่งก็ได้เร่งสร้างเพิงพักชั่วคราว สิ่งสาธารณูปโภค ที่พัก น้ำดื่ม-น้ำใช้ และจัดระเบียบการดูแลของเป็นป๊อกหรือหย่อมบ้าน เพื่อง่ายต่อการประสานงานหรือการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ถึงมืออย่างทั่วถึง แต่มีชาวบ้านบางครอบครัวที่ถนัดจะหุงหาอาหารกินเอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้การสนับสนุนสิ่งของตามที่ร้องขอ