แม่ฮ่องสอน – กกล.ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง-ทหารเมียนมา ยังรบกันหนักต่อเนื่อง เสียงอาวุธหนัก-ระเบิด ดังข้ามแดนไกลนับ 10 กิโลฯ ขณะที่ชาวพม่าอพยพหนีตายเข้าไทยเพิ่มต่อเนื่อง ฝ่ายทหาร-ปกครอง-ป่าไม้-ภาคเอกชน-กู้ภัยฯ ต้องระดมของบริจาคช่วยซับน้ำตาเยียวยาไม่หยุด
วันนี้(18 มิ.ย.66)ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ด้านตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอนใน ล่าสุดยังคงมีรายงานการสู้รบกันระหว่างกำลังของรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่อต้านรัฐบาล โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง และฝั่งตรงข้ามกับบ้านแม่กี๊ อ.ขุนยวม สามารถได้ยินเสียงการปะทะในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เนื่องจากมีการปะทะกันด้วยอาวุธหนักหรืออากาศยานของรัฐบาลเมียนมา
ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สู้รบของประเทศเพื่อนบ้าน หลั่งไหลเข้ามาขอหลบภัยในพื้นที่ปลอดภัยฝั่งแม่ฮ่องสอนอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้มียอดผู้หนีภัยการสู้รบสูงถึง 3,877 คน ส่วนมากจะเข้ามาอยู่ที่พื้นที่ปลอดภัยของบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง บางส่วนกระจายไปอยู่ที่พื้นที่ปลอดภัยของบ้านพะแข่ หมู่ที่ 3 ต.แม่กี๊ อ.ขุนยวม นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มของการขอเข้ามาหลบภัยสูงขึ้นทุกวัน
ทางด้านกองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท จ.แม่ฮ่องสอน ได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง เหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน กรมทหารพรานที่ 36 แม่สะเรียง และองค์กรปกครองในพื้นที่ ดำเนินการดูแลและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นตามหลักมนุษยธรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคเอกชนในพื้นที่ ที่เห็นใจและร่วมกันบริจาคสิ่งของเข้าไปให้การช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ในการช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบทั้งหมดแต่ละวันจะต้องใช้ข้าวสารเพื่อเลี้ยงผู้หนีภัยเหล่านี้กว่าวันละ 40 กระสอบ นอกจากนี้ยังต้องใช้อาหารสำเร็จรูป สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์เพื่อการหุงหาอาหารอีกจำนวนมาก รวมถึงเวชภัณฑ์เพื่อให้การดูแลในกลุ่มที่เจ็บป่วยและคนชรา-เด็ก ที่ต้องอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวท่ามกลางสายฝนหรือมีความเสี่ยงอีกหลายด้านด้วย
ซึ่งขณะนี้ฝ่ายทหารโดยกองกำลังนเรศวร หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ร่วมกับฝ่ายปกครอง หน่วยงานในสังกัดของกรมอุทยานฯ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ที่มีหน่วยกระจายอยู่ตามแนวชายแดนหลายๆ แห่งและภาคเอกชน ได้ระดมความช่วยเหลือเข้าไป ทั้งสิ่งของบรรเทาทุกข์ ข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้า ผ้าห่ม เต็นท์กันฝนและของใช้ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังต้องส่งหน่วยงานของกาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอนและแพทย์พยาบาล เข้าให้การดูแลตรวจสุขภาพและป้องกันโรคติดต่อ เนื่องจากผู้หนีภัยเหล่านี้ต้องใช้วิธีการเดินเท้าตากฝนหลายวันกว่าจะถึงพื้นที่พักพิงในเขตไทย ในขณะที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่อื่นก็ต้องรีบสร้างเพิงพักชั่วคราว เพื่อรองรับกับผู้หนีภัยการสู้รบที่เพิ่มมากขึ้น
ทางด้านกำลังของทหารตามฐานที่มั่นแนวชายแดนนั้นก็ต้องเตรียมกำลังพลและติดตามความเคลื่อนไหวหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาด้วย ทั้งนี้ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกประกาศย้ำว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งของการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยการสู้รบนั้นเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม
