เชียงใหม่ - กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ 4 ภูมิภาค เพื่อรวบรวมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้าทางการศึกษาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สู่การผลักดันนโยบายเร่งด่วนและการวางทิศทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ.2568-2570
เมื่อวันที่ 29มิ.ย.66 ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดเวทีระดมพลังความร่วมมือขับเคลื่อนอนาคตความเสมอภาคทางการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในภาคเหนือ โดยมีภาคีเครือข่าย นักขับเคลื่อนด้านการเรียนรู้จากภาครัฐ ท้องถิ่นภาควิชาการ วิชาชีพ ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจเอกชน และภาคสื่อมวลชน เข้าร่วมจาก 13 จังหวัดในภาคเหนือ มากกว่า 120 คน นับเป็นก้าวสำคัญของการประกาศความร่วมมือเพื่อผลักดันการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระดับภูมิภาค
นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาถือเป็นวาระสำคัญของจังหวัดที่มีความสำคัญ จังหวัดเชียงใหม่พร้อมที่จะสนับสนุนบทบาทของ กสศ.ควบคู่ไปกับงานตาม Function ที่มีศึกษาธิการจังหวัด กศน. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ วันนี้ ยังมีเด็กที่อยู่นอกระบบ เด็กพิการ ด้อยโอกาสอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องร่วมกันพาเด็กทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร เด็กไม่จำเป็นต้องเดินทาง แต่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ เรื่องนี้เป็นวาระสำคัญของจังหวัดเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมมือ สนับสนุนเด็กเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา โดยเฉพาะที่อยู่พื้นที่ห่างไกล ด้อยโอกาส หรือมีสถานะการเงินไม่ดี วันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันสร้างเด็กให้มีคุณภาพ
เราสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคง เพื่อสร้างเชียงใหม่เป็นเมืองคุณภาพ ซึ่งการที่คนจะมีคุณภาพดี หมายถึงต้องมีการศึกษาดีก่อน ผมมองว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในเรื่องปูพื้นฐานชีวิตคนคนหนึ่ง เพื่อก้าวสู่การมีอาชีพที่ดี ความเป็นอยู่ที่ดี คนเราถ้ามีการศึกษาดี จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น กระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยที่เกี่ยวข้องต้องร่วมแรงร่วมใจ เราปล่อยให้เด็กโดดเดี่ยว เสียโอกาสไม่ได้อีกต่อไป
นายชาตรี ม่วงสว่าง ศึกษาธิการภาค 15 กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ 4 จังหวัดที่ดูแล ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน เป็นวาระที่ทุกคนในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วม ภาครัฐ เอกชน ทุกส่วนทำงานร่วมกับ กสศ. ในการรวมพลังทรัพยากร กระทรวงศึกษาในพื้นที่พร้อมขับเคลื่อนดูแล ดำเนินการทุกภาคส่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กศจ. การขับเคลื่อนเรื่องนี้เป็นทิศทางเดียวกัน กสศ. ทำงานร่วมกันผ่านกลไกตรงนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ไปถึงเด็กและเยาวชนโดยตรง ซึ่งความเหลื่อมล้ำที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ การขาดช่องทางเข้าถึงการศึกษาที่มีความหลากหลาย เด็กหลุดจากระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล จากภาวะเศรษฐกิจ หน่วยงานเข้าไปไม่ถึง ดังนั้น ต้องช่วยกันสนับสนุนให้เด็กๆ มีช่องทางการศึกษาที่หลากหลาย มีทางเลือก มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาค
อาจารย์ทวีศักดิ์ ธิมา โรงเรียนแม่ตะละวิทยา เชียงราย กล่าวว่า สำหรับเด็กในพื้นที่ห่างไกล ต้องเริ่มต้นจากโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานการศึกษาที่เท่าเทียม พื้นราบถกเถียงกันเรื่องอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่เด็กๆ บนดอยยังไม่มีทั้งไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต สื่อการเรียนการสอนที่ใช้อยู่ในโรงเรียนเป็นสื่อออฟไลน์ สื่อกระดาษทั้งหมด สวนทางกับการศึกษาสมัยนี้ เด็กไม่สามารถเข้าถึงโลกดิจิทัลได้เลย ขอให้รัฐลงทุนเรื่องอินเทอร์เน็ตบนพื้นที่ห่างไกล แม้จะเป็นการลงทุนที่สูงแต่เพื่อให้ได้ทรัพยากรทางการเรียนรู้ที่เท่าเทียมนั้นคุ้มค่า นอกจากนี้ ควรมีวิธีการจัดสรรเงินรายหัวใหม่ที่คำนึงถึงความแตกต่างของพื้นที่ การเดินทาง ใช้ข้อมูลแวดล้อมในการพิจารณา
นายสายัญ โพธิ์สุวรรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 กล่าวว่า หลักประกันเรื่องทรัพยากรการศึกษานั้นสำคัญมาก ปัญหาสำคัญที่ผ่านมา เช่น 1.นักเรียนชั้นมัธยมต้น อาหารกลางวันยังไม่ได้ 2.การอุดหนุนงบประมาณ ทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ 3.โรงเรียนพื้นที่สูงห่างไกลหรือเกาะแก่ง เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า ถ้าให้ดีที่สุดควรปรับระเบียบแนวปฏิบัติ กำหนดสิทธิเด็กมัธยมต้นทุกคนต้องได้รับค่าอาหารกลางวัน ปรับสูตรจัดสรรงบประมาณที่เสมอภาค เพื่อช่วยโรงเรียนพื้นที่ยากลำบาก โรงเรียนที่ดูแลเด็กเปราะบางหรือแม้แต่คนจนเมืองมีบริบทที่แตกต่าง รวมถึงการเติมครูให้พอ และมีกลไกในการพัฒนาครู ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาขนาดใหญ่ ถ้าเรารอจากระบบนานมาก เกินกำลังฝ่ายรัฐแบกไว้ ต้องสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกัน
อาจารย์เอมอร ลิ้มวัฒนา ครูชำนาญการ วิวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในพื้นที่สูง ห่างไกลระบบโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญมาก สาธารณูปโภคเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร ไม่เฉพาะบนดอย แต่รวมถึงในตัวเมือง ฤดูฝนต้นไม้ล้ม ทำให้สายไฟขาด ฤดูร้อนไฟไหม้สายไฟ ไฟเคยดับต่อเนื่อง 2 วัน สายอินเทอร์เน็ต สายสัญญาณสื่อสารยังมีปัญหาเรื่องความชัดเจนและครอบคลุม ไม่ว่าจะของรัฐหรือเอกชน ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้
“รัฐบาลลงทุนเรื่องนี้จะมีความคุ้มค่า ไม่ใช่จบรุ่นนี้ ถูกใช้ต่อเนื่อง เป็นการลงทุนที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยกรมนุษย์ ที่ผ่านมา ของบประมาณไป กว่าจะได้งบประมาณโลกเปลี่ยนไป อุปกรณ์ที่ขอไปอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกแล้ว ดังนั้น ควรพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนของพื้นที่ควบคู่กันไปด้วย”