กำแพงเพชร - ศรัทธาชาวบ้านสาปแช่งให้มีอันเป็นไป..คนร้ายดอดทุบเสมาโบสถ์วัดวังหันน้ำดึง ลักพระเครื่อง-ของมีค่าไปอย่างไร้ร่องรอย ขอพร “หลวงพ่อโต” ดลบันดาลให้ตามจับคนร้ายได้
วันนี้ (22 มิ.ย. 66) นายบุญชู เอี่ยมสอาด อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านคลองเจริญ ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หนึ่งในคณะกรรมการวัด พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่ง พาผู้สื่อข่าวดูร่องรอยซุ้มเสมาครอบลูกนิมิตลูกที่สามและลูกที่สี่ ภายในพระอุโบสถวัดวังหันน้ำดึง หมู่ที่ 5 ต.วังแขม อ.คลองขลุง
หลังถูกคนร้ายลอบเข้ามาทุบทำลายจนพังเสียหาย และได้ลักเอาทรัพย์สินมีค่าที่ผู้มีจิตศรัทธาเป็นเจ้าภาพฝังลูกนิมิตในแต่ละลูกไป โดยเฉพาะลูกที่ 4 เป็นของนักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานะได้นำพระเครื่องพระบูชา-ทรัพย์สินมีค่าถวายวัด บรรจุไว้ภายในลูกนิมิตดังกล่าว
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อจิตใจและความศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ละคนพากันวิพากษ์วิจารณ์สาปแช่งพร้อมทั้งอธิษฐานขอพรหลวงพ่อโตพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
นายบุญชู เอี่ยมสอาด อายุ 51 ปี (เสื้อแดง) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 กล่าวว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 18 มิถุนายน 2566 มีงานบวชพระในวัด ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติอยู่ จนกระทั่ง 19 มิถุนายน 2566 เจ้าอาวาสวัดได้เข้ามาตรวจความเรียบร้อยบริเวณพระอุโบสถ พบว่าซุ้มเสมาครอบลูกนิมิตถูกทุบทำลายและขโมยเอาทรัพย์สินไป สร้างความสะเทือนใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก อยากให้นำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบเเละเร่งติดตามคนร้ายอยู่ โดยตั้งข้อสงสัยว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่เพราะต้องทราบดีว่าลูกนิมิตที่ทุบทำลายมีใครเป็นเจ้าภาพได้นำทรัพย์สินมาบรรจุไว้”
ขณะที่ชาวบ้านที่เข้ามาดูร่องรอยความเสียหายต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกสะเทือนใจมาก อยู่กันมาหลายปีไม่เคยมีเหตุการณ์หรือใครเข้ามาทำแบบนี้ ขอสาปแช่งคนร้ายให้ได้รับกรรมที่ก่อ และขอพรหลวงพ่อโต ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ และหากคนร้ายมาขอขมาก็จะไม่มีวันยกโทษหรืออโหสิกรรมให้เด็ดขาด
นายวิโรจน์ มั่นยา หรือ อบต.เล็ก อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 5 ตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร (เสื้อขาว) กล่าวถึงคนร้ายว่า ทำไปแล้วมันได้อะไร ดูแล้วมันก็ไม่มีอะไร โบสถ์ก็เป็นของใหม่ ชาวบ้านก็เสียความรู้สึก ความศรัทธา ตนมองว่าสังคมตอนนี้เหมือนคนไม่กลัวบาปกลัวกรรม คนที่ทำคงคิดว่าในเสมานั้นมีของมีค่า เพราะหลุมเสมาที่ฝังลูกนิมิตที่ถูกทุบนี้มีชื่อเจ้าภาพติดไว้ซึ่งเป็นนามสกุลของคนมีฐานะในหมู่บ้าน คนร้ายคงอาจรู้จักหรือเป็นคนภายในหมู่บ้าน
ทั้งนี้ พระอุโบสถหลังดังกล่าวมีพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตไปเมื่อปี 2553 มีชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพตัดหวายและผูกพัทธสีมา โดยเจ้าภาพแต่ละรายจะนำวัตถุมงคลเข้ามาบรรจุไว้ตามความเชื่อและความศรัทธาจำนวนมาก