ลำพูน - ชาวอำเภอลี้รวมตัวประท้วงไล่แม่ชีอ้างชื่อ ส.ว.เช่าที่สวนยาง-สวนลำไย ใกล้บ้านเปิดฟาร์มเลี้ยงโค-กระบือ-ม้า-ลา ไถ่ชีวิตรวมกว่า 300 ตัว ส่งผลกระทบทั้งชุมชน แมลงวันบินตอมหึ่งจนต้องกางมุ้งกินข้าว-เสี่ยงเกิดโรคระบาดสัตว์
บ่ายวันนี้ (13 มิ.ย. 66) นายสุนทร ใจยะเสน กำนันตำบลแม่ตืน พร้อมชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัวกันที่บ้านสันวิไล หมู่ที่ 9 ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ส่งเสียงตะโกนประท้วงไม่เอาฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของแม่ชี ซึ่งมาเช่าพื้นที่ในชุมชนกลางหมู่บ้านกว่า 100 ไร่ โดยไม่ถามชาวบ้านและไม่ผ่านมติของชุมชน เลี้ยงโค กระบือ ม้า และลา กว่า 300 ตัว มานานกว่า 8 เดือน จนส่งผลกระทบต่อคนในชุมชน
นายสุนทร กำนันตำบลแม่ตืน กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อ 8 เดือนก่อน ได้มีแม่ชีท่านหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ในนามสวนปัญอิสรภาพ สถานสงเคราะห์สัตว์ ได้มาขอเช่าที่ดินสวนยางพาราและสวนลำไยของชาวบ้านสันวิไล ต.แม่ตืน อ.ลี้ เพื่อนำสัตว์ เช่น โค กระบือ ม้า และลา จำนวนกว่า 300 ตัว ที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์และตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศมาเลี้ยงไว้
ซึ่งที่ดินในสวนยางพาราและสวนลำไยที่มาเช่านั้นอยู่ติดกับบ้านเรือนของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านไม่ยินยอมและไม่เต็มใจ แต่ก็มีการดำเนินการโดยอ้างว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ระดับ ส.ว.ให้การสนับสนุน เดิมทีเดือนแรกก็นำโคและกระบือเข้ามาเลี้ยงไว้ 50 กว่าตัว
จากนั้นก็ทยอยขนมาในตอนกลางคืน เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันผ่านไป 8 เดือน มีโค กระบือ ม้า และลา รวมกันมากกว่า 300 ตัวแล้ว จนส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งเรื่องของมูลสัตว์ต่างๆเหล่านี้ที่มีจำนวนมากขึ้น และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วชุมชน หนำซ้ำยังทำให้เกิดมีแมลงวันจำนวนมาก ถึงกับทำให้ชาวบ้านที่อยู่ติดกับฟาร์มสัตว์ต้องพากันกางมุ้งกินข้าว เพราะแมลงวันมีจำนวนมาก อยู่กันด้วยความยากลำบาก
นอกจากนั้นยังพบว่าโค กระบือ หลายตัวป่วยเป็นโรคปากเท้าเปื่อย ชาวบ้านจึงหวั่นเกรงจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพรวมถึงโรคต่างๆ ที่มากับสัตว์จะแพร่ระบาดในชุมชน
ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจน เพราะฝ่ายแม่ชีอ้างว่าสนิทกับผู้หลักผู้ใหญ่ และสมาชิกวุฒิสภา ทำให้หลายฝ่ายเกรงใจ
ด้านนายสวน ตาแก้ว อายุ 67 ปี หนึ่งในครอบครัวชาวบ้านที่ต้องทนกางมุ้งกินข้าว กล่าวว่า ขณะนี้ตนตาบวมทั้งสองข้าง ปกติต้องไปพบแพทย์ตรวจร่างกาย 3 เดือนต่อครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ตาบวมหายใจติดขัดเป็นภูมิแพ้ ต้องไปหาหมอเดือนละ 3 ครั้ง คาดว่าสาเหตุเกิดจากสัตว์ที่ไถ่ชีวิตมาจากที่ต่างๆเป็นพาหะนำโรค ทำให้ตนและเพื่อนบ้านที่อยู่ติดรั้วของฟาร์มสัตว์เหล่านี้ได้รับความเดือดร้อน ก็ให้ย้ายสัตว์ทั้งหมดออกไปจากชุมชนโดยเร็วที่สุด
ต่อมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลี้ พร้อมด้วยชาวบ้านมีการประชุมหารือกันเพื่อหาทางออก ซึ่งชาวบ้านจำนวนกว่า 100 รายมีมติให้ทางแม่ชีย้ายสัตว์เหล่านี้ไปจากชุมชนโดยเร็ว
หลังจากนั้นทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ก็ได้เดินทางไปดูสัตว์เลี้ยงในฟาร์มดังกล่าว พบว่ามีมากกว่า 300 ตัว ใช้อาหารเลี้ยงสัตว์วันละ 1 หมื่นกิโลกรัมเป็นอย่างน้อย อีกทั้งยังพบว่าการบริหารจัดการฟาร์มในด้านการรักษาความสะอาดยังมีไม่เพียงพอ
เจ้าหน้าที่จึงประสานทางโทรศัพท์ไปหาแม่ชีตามที่กล่าวอ้าง ทางแม่ชีก็บอกว่าตนถูกกลั่นแกล้ง และได้ทำหนังสือร้องเรียนให้ ส.ว.ช่วยแล้ว (ขอสงวนชื่อสกุล ส.ว.) เจ้าหน้าที่จึงถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ ส.ว.อย่างไร เมื่อมาอยู่ในชุมชนทำไมไม่ฟังเสียงชาวบ้าน เมื่อมีปัญหาทำไมไม่มาหาทางออก-แก้ไขปัญหาร่วมกัน เชิญมาประชุมหลายครั้งก็ไม่มา ซึ่งแม่ชีก็ตอบว่ากำลังขอความเป็นธรรมกับ ส.ว.ก่อนจะวางสายไป