xs
xsm
sm
md
lg

น้าและหลานสาวท้อง 8 เดือนร้องถูกทนายหลอก เดินเรื่องที่ดินสูญ 4 หมื่นนานเป็นปีไม่คืบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายคำพันธ์ จันทะคาม อายุ 64 ปี และ น.ส.วัลภา บุญประกอบ อายุ 35 ปี ร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน
บุรีรัมย์ - น้าหลานชาวบุรีรัมย์ร้องสื่อขอความเป็นธรรม หลังจ้างทนายเดินเรื่องไถ่ถอนที่ดิน รับปาก 1 เดือนเสร็จ แต่ผ่านไป 1 ปีไม่คืบหน้า สูญเงินจากที่ตกลงไว้ 15,000 บาท พุ่งไปถึง 4 หมื่นกว่าบาท ทั้งจะขอเรียกเงินอีก เชื่อทนายแค่หลอกเอาเงินไม่เดินเรื่องให้จริงซ้ำเติมคนจน วอนผู้เกี่ยวข้องช่วย อยากได้เงินคืนเพราะกู้ยืมมา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคำพันธ์ จันทะคาม อายุ 64 ปี และ น.ส.วัลภา บุญประกอบ อายุ 35 ปี หลานสาวซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน ชาวตำบลตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานออกมาร้องขอความเป็นธรรม ระบุว่าได้ถูกทนายความคนหนึ่งหลอกเอาเงิน 40,000 บาทตั้งแต่ต้นปี 2565 เพื่อเดินเรื่องเอกสารรับรองการชำระเงินค่าไถ่ถอนโฉนดที่ดินเนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวาจากธนาคาร เพื่อนำไปเป็นหลักฐานเดินเรื่องแบ่งที่ดินแปลงดังกล่าวให้พี่น้องตามความประสงค์ของพ่อหลังจากพ่อเสียชีวิต

ได้ตกลงค่าดำเนินการทั้งหมด 15,000 บาท รับปาก 1 เดือนแล้วเสร็จ แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์กลับเรียกเงินเพิ่ม อ้างจะนำไปเป็นค่าดำเนินการทางลัดกับธนาคารเพื่อให้ได้หนังสือรับรองจากธนาคารเร็วขึ้น จึงหลงเชื่อไปหยิบยืมเงินจากญาติและเงินนอกระบบมาจ่ายเพิ่มอีก 25,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท แต่ผ่านไปกว่า 1 ปีแล้วกลับไม่ได้หนังสือรับรองตามที่ทนายกล่าวอ้าง พอโทร.ไปสอบถามทนายคนดังกล่าว กลับพูดในทำนองเหมือนจะเรียกเงินค่าดำเนินการเพิ่มอีก ผู้ร้องจึงเชื่อว่าน่าจะถูกทนายคนนี้หลอกเอาเงินมากกว่า แต่ไม่ได้เดินเรื่องให้จริงตามที่รับปาก

น.ส.วัลภา บุญประกอบ หลานสาว เล่าว่า ตาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว เสียชีวิตลงเมื่อประมาณปี 2538 จากนั้นลูกของตามีทั้งหมด 4 คนได้แต่งตั้งให้นายคำพันธ์ ลูกชายคนเล็กเป็นผู้จัดการมรดก ที่ผ่านมาพี่น้องก็ทำไร่ทำสวนในที่ดินดังกล่าวมาตลอดจนถึงปัจจุบัน กระทั่งต้นปี 2565 พี่น้องพูดคุยกันว่าอยากจะแบ่งแยกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวให้เรียบร้อย เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ตามความจำเป็นของแต่ละคน พอไปทำเรื่องที่สำนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องไปหาหลักฐานหนังสือรับรองการชำระเงินค่าไถ่ถอนที่ดินจากธนาคารมาก่อน




เนื่องจากมีการนำโฉนดแปลงดังกล่าวไปเป็นหลักทรัพย์เพื่อกู้เงินธนาคาร ซึ่งครอบครัวยืนยันว่าได้ชำระหนี้หมดแล้วตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งธนาคารก็มอบโฉนดที่ดินคืนให้แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นชาวบ้านไม่มีความรู้ พอได้โฉนดที่ดินก็กลับบ้าน โดยไม่รู้ว่าจะต้องมีเอกสารรับรองจากธนาคารด้วย แต่พอลูกๆ จะทำการแบ่งแยกโฉนดกลับไม่สามารถทำได้ กระทั่งมีคนรู้จักแนะนำให้ติดต่อทนายความคนดังกล่าว ให้มาดำเนินการขอหนังสือรับรองจากทางธนาคาร

ได้พูดคุยตกลงกันที่บ้านโดยตกลงจ่ายเงินค่าดำเนินการ 15,000 บาท ทนายก็รับปาก 1 เดือนได้หนังสือรับรองแน่นอน แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์กลับเรียกเงินเพิ่มอีก 25,000 บาท อ้างว่าจะให้ธนาคารเพื่อให้ได้หนังสือรับรองเร็วขึ้น ก็หลงเชื่อไปหยิบยืมและกู้นอกระบบมาจ่ายเพิ่ม แต่ผ่านไปกว่า 1 ปีกลับไม่ได้หนังสือรับรองจากธนาคารตามที่อ้างเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก จึงอยากให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย ที่ผ่านมาได้ร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และสภาทนายความให้ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวง ผิดจรรยาบรรณทนายความหรือไม่ หากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินคืน เพราะไม่ได้ทำตามที่รับปาก


ด้านนายคำพันธ์ จันทะคาม ซึ่งเป็นน้า และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก กล่าวว่าด้วยความไม่ค่อยรู้หนังสือและรู้กฎหมาย จึงหลงเชื่อคิดว่าทนายความจะช่วยได้ จึงยอมไปหยิบยืมเงินญาติและกู้นอกระบบมาจ่ายทนาย และเป็นค่าน้ำมันเดินทางไปเดินเรื่องก็หมดเงินไป 6-7 หมื่นบาทแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ที่ดินที่ตั้งใจจะแบ่งแยกให้พี่น้องจะได้นำไปทำประโยชน์ตามความจำเป็นของแต่ละคนก็ยังทำไม่ได้ แถมมาถูกทนายหลอกซ้ำเติมคนยากจนอีก จึงได้ออกมาขอความเป็นธรรม หากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินคืน


กำลังโหลดความคิดเห็น