เชียงใหม่ - ตำรวจเชียงดาวเชิญนักเรียนและผู้ปกครองเข้าสอบปากคำให้ข้อเท็จจริง กรณีครูดูแลหอพักลงโทษรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกาย ขณะที่ครูผู้ก่อเหตุยอมรับทำจริงและเกินกว่าเหตุเนื่องจากต้องการสั่งสอนให้เป็นคนดี ขณะที่ ผอ.โรงเรียนยืนยันไปเที่ยวภูเก็ตและเชียงรายใช้เงินส่วนตัว พร้อมให้ตรวจสอบ
ความคืบหน้ากรณี นางสาวเพชรรัตน์ พันธุ์สุจริตไทย หรือ “ครูเพชร” ครูโรงเรียนบ้านแม่แมะ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนที่ตัวเองเป็นครูสอนอยู่ ทั้งกรณีที่ครูผู้ชายคนหนึ่งของโรงเรียนทำร้ายเด็กนักเรียนในความดูแลรุนแรงเกินกว่าเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชายที่มีอายุเพียงประมาณ 10 ขวบ ซึ่งมีคลิปหลักฐานขณะที่ลงมือก่อเหตุอย่างชัดเจน ระบุว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ขณะเดียวกันเปิดโปงด้วยว่าผู้บริหารโรงเรียนมีการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนที่มีผู้บริจาคให้โรงเรียนใช้ประโยชน์สำหรับกิจกรรมของนักเรียน นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์และเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในทางไม่เหมาะสมนั้น
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (22 พ.ค. 66) ที่สถานีตำรวจภูธรเชียงดาว ผู้บริหารและครูโรงเรียนบ้านแม่แมะ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นำเด็กชาย ป.3 ทั้ง 2 คนในคลิปที่ถูกครูลงโทษอย่างรุนแรงด้วยการถีบและทุบตี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และส่งตัวไปตรวจร่างกาย หลังนางสาวเพชรรัตน์ พันธุ์สุจริตไทย ครูและรักษาการ ผอ.โรงเรียนอันดับ 2 ออกมาแฉการทำร้ายเด็ก และมีผู้บริหารและครูบางคนนำเงินกองทุนเด็กด้อยโอกาสไปใช้เที่ยวทะเลที่ภูเก็ต และเที่ยวคาราโอเกะที่เชียงราย
นายอุทัย เลิศกุลทิพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แมะ ซึ่งนำตัวเด็กนักเรียนและครูที่ลงโทษเด็ก บอกว่า มีการลงโทษเด็กจริงซึ่งได้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและกำชับครูให้ลงโทษนักเรียนอย่างเหมาะสมแล้ว ส่วนประเด็นการนำเงินกองทุนที่มีผู้บริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ทั้งการนำไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตและเที่ยวคาราโอเกะที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยืนยันเป็นเงินส่วนตัวของคณะครู ส่วนเงินบริจาคนำไปซื้ออุปกรณ์ไฟโซลาร์เซลล์เท่านั้น ซึ่งได้ชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชาไปแล้ว พร้อมให้ตรวจสอบไม่มีการทุจริตในโรงเรียน
ส่วนนายทักษิณ สมศรี ครูที่ลงโทษเด็กนั้น ยอมรับว่าทำโทษเด็กรุนแรงเกินไปเพราะต้องการสั่งสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนดี ซึ่งได้ขอโทษผู้ปกครองและอยากขอโทษสังคมด้วย
ขณะที่หลังจากนี้หากผู้ปกครองและเด็กจะแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ โดยหากต้องการสหวิชาชีพร่วมก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้เช่นกัน ซึ่งหากมีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์หลังจากนั้นก็จะมีกาแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป
