xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชายวัย 49 ปีอาการป่วยประสาทกำเริบ เตะถีบแม่วัย 87 ปีดับคาบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุดรธานี - ลูกชายวัย 49 ปีอาการป่วยทางจิตประสาทกำเริบ ใช้เท้าถีบเตะแม่วัย 87 ปีจนเสียชีวิตคาบ้าน
ก่อนลากศพออกมาตากแดดหน้าบ้าน พี่น้องและชาวบ้านจะเข้าช่วยเห็นอาวุธมีดแล้วต้องรีบถอยรีบแจ้งตำรวจจับ



เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 พ.ค. 66) พ.ต.ต.หญิง ส่องนที งามเนตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีลูกเกิดอาการคลั่งทำร้ายแม่เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 51 ม.7 บ.หนองแซงสร้อย อ.หนองวัวซอ หลังรับแจ้งได้ประสานกำลังตำรวจป้องกันปราบปราม สภ.หนองวัวซอ รีบออกระงับเหตุพร้อมอุปกรณ์

เมื่อไปถึงพบชาวบ้านจำนวนหนึ่งสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ส่วนผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอยู่ในบ้านตัวเอง ทราบชื่อคนก่อเหตุคือ นายสาคร แก้วสายทอง อายุ 49 ปี ในมือมีมีด หน้าบ้านพบศพนางฮอง ศรีอุดม อายุ 87 ปี นอนหงายเสียชีวิตก่อนตำรวจไปถึง จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม ตำรวจจึงใช้กำลังเข้าควบคุมตัวและสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เจ้าตัวพูดจาไม่รู้เรื่อง เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาทกำเริบจนนำไปสู่การฆ่าแม่ตัวเอง


นายบุญเรือง แก้วสายทอง อายุ 63 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิตและพี่ชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ขณะอยู่บ้านอีกหลังใกล้กันได้ยินเสียงร้องเอะอะโวยวายจึงออกมาดู พบว่าน้องชายกำลังทำร้ายร่างกายแม่ โดยใช้เท้าเตะแม่ ตนเห็นอย่างนั้นจึงเข้าไปช่วยหวังจะพาแม่ออกมา แต่น้องชายกลับคว้ามีดที่อยู่ในบ้านออกมาวิ่งไล่ฆ่าตัวเอง ตนจึงไม่สามารถช่วยแม่ได้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ ส่วนสาเหตุนั้นเชื่อว่าอาการโรคประสาทกำเริบ น้องชายป่วยทางประสาทมานานกว่า 20 ปี


สำหรับบ้านหลังนี้น้องชายจะอยู่กับแม่สองคน โดยแม่ป่วยติดเตียงและมีน้องชายคอยดูแลแม่ หาข้าวหาน้ำอาบน้ำดูแลทุกอย่างให้ 2-3 วันมาที่ผ่านมาน้องชายเริ่มมีอาการผิดปกติมีอารมณ์ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่ายไม่ให้ใครเข้ามาในบ้าน โดยน้องชายจะปิดประตูบ้านไม่ให้ใครเข้ามา อยู่แต่กับแม่สองคน น้องชายไม่มีงานทำ ที่ผ่านมาอยู่ได้จากเงินช่วยเหลือภาครัฐ

พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจะนะ รองผู้กำกับการ สภ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี บอกว่า เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพการีตัวเองโดยเจตนา ส่วนอาการทางประสาทของผู้ก่อเหตุนั้นจะมีผลในทางกฎหมายหรือไม่นั้นตำรวจจะสอบสวนอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น