เกิดอะไรขึ้นกับแม่กลองพื้นที่ยืนหนึ่งอย่าง “เจ๊โอ๋” รังสิมา ถึงกับประกาศวางมือทางการเมือง

สมุทรสงคราม - "เจ๊โอ๋" รังสิมา ประกาศหันหลังให้การเมืองทั้งระดับประเทศ และท้องถิ่น ทั้งที่เป็น ส.ส.มานานถึง 20 ปี หลังพ่ายคู่แข่งหน้าใหม่อย่างก้าวไกล ยืนยันไม่ลงนายก อบจ. เตรียมลุยธุรกิจบ้านจัดสรร และหอยดองแช่แข็ง

สมุทรสงคราม หรือเมืองแม่กลอง เป็นจังหวัดเล็กที่สุดของประเทศไทย มีพื้นที่เพียง 416.707 ตารางกิโลเมตร มีประชากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 187,701 คน เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 156,558 คน จึงมี ส.ส.ได้เพียงคนเดียว ในอดีตเป็นสมบัติให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้ผลัดกันชมคนละสมัยเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่นายสุนทร ยิ่งนคร นายไพโรจน์ ไชยพร พรรคกิจสังคม นายวิโรจน์ ณ บางช้าง พรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ได้นานหน่อยคือ ร.ต.นุกูล ธนิกุล พรรคความหวังใหม่ อยู่ได้ 4 สมัย แต่ละสมัยไม่ครบวาระเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมือง

ก่อนที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี หรือเจ๊โอ๋ ซึ่งขณะนั้นเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ที่ รพ.อัมพวา เกิดสนใจการเมืองระดับชาติจึงลาออกมาลงสมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ สมัยแรกสอบตก แต่ไม่ละความพยายาม และประสบความสำเร็จในสมัยที่ 2 สามารถโค่น ร.ต.นุกูล ลงได้ จากนั้นได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมุทรสงคราม ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มาถึง 5 สมัย เป็นเวลาเกือบ 20 ปี

ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นกันเองกับทุกคน มีกิจกรรมงานอะไรที่เป็นชองชาวบ้านไม่ว่างานศพ งานบวช งานแต่ง จะเห็น ส.ส.รังสิมา อยู่ในงานด้วยเสมอ โดยเฉพาะการรำหน้านาคตอนแห่รอบอุโอสถ เหล่านี้ทำให้ รังสิมา กลายเป็นคนน่ารักได้ใจชาวสมุทรสงคราม ส่งผลให้การเลือกตั้งแต่ละครั้งได้คะแนนเกิน 5 หมื่นคะแนนมาตลอด เรียกว่าทิ้งคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น อีกทั้งทำท่าว่าจะเป็น ส.ส. ตลอดกาลของสมุทรสงคราม เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งแทบไม่มีคู่แข่ง

คะแนนของ น.ส.รังสิมา เริ่มลดลงอย่างน่าใจหายในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ได้เพียง 26,718 คะแนน และชนะคู่แข่งที่ได้อันดับ 2 เพียงแค่ 4 พันคะแนน แต่นั่นหลายคนมองว่าเพราะมีผู้สมัครมากถึง 27 คน คะแนนจึงถูกเกลี่ยออกไปแบบมีเหตุผล แต่การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 กระแสความนิยมในตัวรังสิมา ของชาวสมุทรสงครามกลับลดลงยิ่งขึ้น เมื่อรังสิมา ประกาศย้ายพรรคจากประชาธิปัตย์ ไปอยู่กับลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ช่วงนี้กระแสความนิยมไม่ค่อยดีนัก เพราะเป็นธรรมดาของผู้บริหารราชการแผ่นดินที่อยู่นานย่อมจะมีอีกฝ่ายอยากให้ลง จึงทำทุกวิถีทางให้ขาดความเชื่อมั่น และเสื่อมความศรัทธาจากประชาชน

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า รังสิมา ขายตัวไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และแจกเงินช่วงหาเสียง จนทำให้เจ้าตัวต้องเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อขอให้ตำรวจช่วยตามหาตัวคนปล่อยข่าวมาดำเนินการตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ผู้สมัครครั้งนี้เหลือเพียงแค่ 10 คน และที่ถูกจัดให้เป็นคู่แข่งมีเพียงแค่ 2-3 คนเท่านั้น แต่แล้วรังสิมา ก็ไปต่อไม่สำเร็จ ทำให้หลายคนคิดว่าอาจถึงจุดอิ่มตัว หรือกระแสความนิยมของพรรค ทำให้คะแนนของ รังสิมา ถดถอยขนาดนี้

ส่วนนายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ที่สามารถโค่น รังสิมา ลงได้ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่มีบิดาคือ นายอำนวย ลิขิตอำนวยชัย อดีตนายก อบจ.สมุทรสงคราม 2 สมัย นายอานุภาพ เป็นคนหนุ่มไฟแรง กล้าพูด กล้าทำตามสไตล์พรรคก้าวไกล และที่มองข้ามไม่ได้คือการอยู่นานของรังสิมา ทำให้มีคนอยากเปลี่ยนดูบ้างสักสมัย หากไม่ได้ตามที่ปรารถนาก็เปลี่ยนกลับมาได้

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังครองใจวัยรุ่นมาต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีทั้งคนวัยทำงาน และผู้สูงอายุที่เห็นเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาไปช้าข้าวของแพงขึ้น เช่น น้ำมัน และไฟฟ้าเป็นตัวกระตุ้นทำให้รัฐบาลเสื่อมความศรัทธาจากประชาชนมากขึ้น จึงทำให้ชาวสมุทรสงครามเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.เขตดังกล่าว

ทั้งนี้ น.ส.รังสิมา บอกว่า ตนเองยอมรับความพ่ายแพ้ ใครได้ก็ไม่มีปัญหาเพราะการเมืองเปลี่ยนทุกวัน ตนเองรับได้อยู่แล้ว และจะขอวางมือทางการเมือง โดยหันไปทำธุรกิจบ้านจัดสรรและขายหอยดองแช่แข็ง ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างโรงงาน โดยไม่ลงไปเล่นการท้องถิ่น นายก อบจ.สมุทรสงคราม ตามที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากตนเล่นสนามระดับชาติเป็น ส.ส.มาแล้ว 5 สมัย จึงไม่คิดเรื่องนี้ แต่น้องชายของตนอาจจะลงสมัครนายก อบจ.สมุทรสงคราม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่นั่นเป็นเรื่องของเขา

“แต่เสียดายโครงการสร้างโรงพยาบาลใหม่ ที่ ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ พร้อมสถานรับเลี้ยงคนชราภาคกลางวัน ที่ตนเองประสานงานมาเป็นปีๆ และอีกหลายโครงการ เช่น แผนจะเชื่อมต่อทางรถไฟจากวงเวียนใหญ่-กรุงเทพฯ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม ที่มีอยู่แล้วไป อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งจะทําให้สมุทรสงครามเป็นเมืองเปิด เป็นเมืองเศรษฐกิจ และเป็นเมืองท่องเที่ยวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังจะมาสานต่อการขยายถนนปากท่อสายเก่าให้เป็นถนน 4 เลน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปบ้างแล้ว ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา ตนมีโครงการขุดบ่อบาดาล 5 บ่อ ขณะนี้ขุดไปแล้ว 1 บ่อ ใน ต.ลาดใหญ่ และพบตาน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อตนไม่ได้ไปต่อ การประสานงานต่อระบบประปาให้ครบทุกหมู่บ้านในจังหวัดสมุทรสงคราม อาจจะต้องถูกพับไป”