กาญจนบุรี - แม่ทัพ พปชร.กาญจน์ขึ้นเวทีปราศรัยย่อย จวก ส.ส.ในอดีตไม่มีพลัง ไม่มีเอกภาพ พรรคเดียวกันแต่คนละพวก พวกเดียวกันแต่อยู่คนละพรรค ทำให้กาญจนบุรีไม่พัฒนาไปไหน ด้านผู้ว่าฯ ใหม่ ยันมีคนเคลมผลงานเรื่องแหล่งน้ำของลุงป้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยย่อยที่ลานด้านข้างปัํมน้ำมัน ปตท.ท้องที่หมู่ 6 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เพื่อช่วยนางลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 4 โดยมีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2
พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นายประเทศ บุญยงค์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ หรือซ้อเจน ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชี่อพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมกันปราศรัย และที่สำคัญการปราศรัยในครั้งนี้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนางลำยอง อีกด้วย โดยผู้สมัครแต่ละเขตได้สลับกันปราศรัยบนเวที ท่ามกลางประชาชน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่มากกว่า 2,000 คนมาร่วมรับฟัง
โดยนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 กล่าวว่า ผมเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีมา 5 ปี ในพื้นที่เขต 4 นี้พบว่าลุงป้อม หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องชาวเขต 4 เลย ช่วงที่ผมเป็นผู้ว่าฯ อยู่ 5 ปี ได้เห็นโครงการที่ท่าน พล.อ.ประวิตร ให้การสนับสนุนโดยเฉพาะเขต 4 เป็นเขตพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง แต่เวลาฝนตกน้ำท่วมทันที เวลาแล้งจะขาดแคลนน้ำ
ท่าน พล.อ.ประวิตร ได้ทำโครงการในหลายโครงการเพื่อต้องการที่จะช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านมีโครงการที่จะพัฒนาลุ่มน้ำลำตะเพิน และได้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง เช่น อ่างกะพร้อย อ่างแม่ตะกวด แม่ตะกึง อ่างห้วยป่าไร่ รวมทั้งมีการสร้างฝายและประตูระบายน้ำต่างๆ เยอะแยะไปหมด แต่ตรงนั้นยังไม่เพียงพอ
ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐ โดยการดูแลของท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านได้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องน้ำด้วย และท่านยังมีโครงการอีกเป็นจำนวนมาก ขอเรียนว่าโครงการที่จะผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเชื่อว่าพี่น้องคงจะได้ยินมาบ้างแล้ว แต่โครงการดังกล่าวนั้นมันเป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่ และต้องใช้เวลามาก รวมทั้งต้องใช้งบประมาณที่มาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการสำรวจเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการที่จะวางท่อมาจากเขื่อนนั้นจะต้องผ่านเขตอุทยานฯ จึงจะต้องวิเคราะห์ถึงสิ่งแวดล้อมด้วย ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผล แต่ท่าน พล.อ.ประวิตร ท่านได้วางรากฐานเอาไว้แล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากคือ การที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 มาเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งประเทศของเรามีเพียง 15 แห่งที่ได้รับโครงการนี้ แต่โครงการดังกล่าวอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีถึง 3 แห่ง คือที่อำเภอเลาขวัญ 1 แห่ง ที่อำเภอห้วยกระเจาอีก 2 แห่ง ซึ่งตรงนี้นั้นเป็นการริเริ่มในความ ห่วงใยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยเข้ามาช่วยกันดูแลและสำรวจ และปรากฏว่าเขาสำรวจพบว่าใต้ดินของเรามีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และจากลักษณะภูมิประเทศใต้ดินทำให้น้ำไหลไม่มีวันหมด ทำให้เหมาะกับการจัดทำสถานีสูบน้ำบาดาลขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วส่งไปหล่อเลี้ยงพี่น้องประชาชนให้ครบถ้วนในทุกพื้นที่ แต่ด้วยงบประมาณในขั้นต้นเขาได้สร้างเพียงแค่สถานีสูบน้ำขึ้นมา และมีระบบส่งน้ำเพียงเล็กน้อย
ซึ่งก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการเพียงไม่กี่เดือน ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ให้เงินมาประมาณ 140 ล้านบาท เพื่อที่จะให้นำมาดูแลจังหวัดกาญจนบุรีทั้งจังหวัด ซึ่งครั้งแรกจะให้ดูแลทั้งจังหวัด และอำเภอไหนขาดแคลนอะไรให้เสนอโครงการขึ้นไป และตัวผมเองได้เสนอโครงการไปยังท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าพื้นที่เขต 4 เช่นอำเภอเลาขวัญ และห้วยกระเจา ขาดแคลนน้ำค่อนข้างเยอะ สมควรที่จะเอาเงินทั้งหมดมาเดินท่อเพื่อที่จะกระจายน้ำไปให้พี่น้องชาวอำเภอห้วยกระเจา และเลาขวัญ และโครงการก็ประสบความสำเร็จ แต่ว่าเงินที่ให้มายังไม่เพียงพอ ดังนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปรารภว่าจะทำต่อเพราะอยากดูแลชาวกาญจนบุรีของเราต่อไป
การที่ผมเล่าเรื่องค่อนข้างจะยาวเกี่ยวกับเรื่องของน้ำนั้นเพราะเป็นพื้นที่ค่อนข้างสำคัญ ปัญหาที่เดือดร้อนที่สุดนอกจากปัญหาเรื่องที่ดินแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องน้ำอีก ผมจึงขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นเป็นคนทำ แต่ไม่ทราบว่าใครมาขโมยผลงานไปเป็นของตนเอง แต่ผมเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมา 5 ปีผมจึงขอยืนยันเลยว่าท่าน พล.อ.ประวิตร ได้ดูแลพื้นที่ตรงนี้มาโดยตลอด แต่ท่านไม่เคยเอามาคุยโม้ แต่มาในวันนี้ผมจะต้องมาเปิดเผยความจริงให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบ นายจีระเกียรติ กล่าว
ด้าน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ได้กล่าวปราศรัยปิดท้ายว่า จังหวัดกาญจนบุรีของเรามีต้นทุนมากมาย เรามีป่า เรามีภูเขา เรามี 2 เขื่อนใหญ่ คือ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ เรามีแม่น้ำ 2 สายใหญ่ คือ แม่น้ำแควน้อยแม่น้ำแควใหญ่ไหลมาบรรจบกันที่ ต.ปากแพรก กลายเป็นต้นแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดกาญจนบุรีของเราได้สร้างประโยชน์ให้คนที่อยู่ภาคกลางและคนกรุงเทพฯ รวมทั้งคนทั้งประเทศอย่างมากมาย เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า เราเป็นแหล่งต้นน้ำ เรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย คนเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมีมากถึงปีละ 10 ล้านคน ซึ่งนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดท่านยืนอยู่ตรงนี้ซึ่งท่านทราบเป็นอย่างดี
แต่ถามว่าเราได้อะไรจากนักท่องเที่ยวหรือไม่ ประชาชนชาวกาญจนบุรีของเรามีความสุขอยู่หรือเปล่า รายได้ของประชาชนมีเพียงพอหรือไม่ สมควรกับการที่เรามีต้นทุนเหล่านี้อยู่หรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนที่มาทำงานและยืนอยู่บนเวทีปราศรัยตรงนี้คิดว่าเราจะมาร่วมกันพัฒนาเมืองกาญจน์บ้านเราให้มีความเจริญรุ่งเรือง ผมอยากจะบอกว่าเรามีต้นทุนมากมายขนาดนี้แต่ทำไมจึงไม่เจริญเท่าที่ควร จึงอยากจะบอกว่ามันมีสาเหตุและปัจจัยในหลายประการ เหตุประการที่ 1 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเรา คือ ส.ส.ไม่ทำงาน แต่เดิมในอดีตที่ผ่านมาทำงานก็ทำงานไม่เต็มที่ และไม่ดูแลประชาชน