ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักวิชาการชี้อันตรายมากกรณีสารซีเซียม 137 ที่สูญหาย หากถูกนำไปโรงหลอมเหล็ก เมื่อสลายตัว ปล่อยรังสีเบตา และแกมมา ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งจะกระจายไปในอากาศในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย เผยถึงกรณีสารซีเซียม 137 ที่หายไปจากโรงไฟฟ้าบริษัทเนชั่นแนลเพาเวอร์ แพลนท์ 5 A จำกัดตั้งอยู่ที่ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยสาร กัมมันตภาพรังสีดังกล่าวจะถูกห่อหุ้มด้วยสารตะกั่วล้อมรอบ และหุ้มด้วยท่อเหล็กกลมขนาด 5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว น้ำหนัก 25 กิโลกรัมอีกชั้น ใช้เป็นเครื่องมือวัดระดับของขี้เถ้าในไซโลของโรงไฟฟ้า โดยติดตั้งใช้งานตั้งแต่ปี 2538
เนื่องจากซีเซียม137 เป็นโลหะอ่อนสีขาวเงิน ที่ตีขึ้นรูปได้ง่าย จะมีสภาพเป็นของเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 28 องศา มีช่วงอายุที่ 30 ปี เมื่อสลายตัวจะปล่อยรังสีเบตาและแกมมาซึ่งอันตรายมาก และหากเปลี่ยนตัวมันจะเปลี่ยนเป็นสารแบเรียม 137 ที่สลายตัวปล่อยรังสีได้เร็ว โดยในทางอุตสาหกรรมซีเซียม 137 จะใช้ในการวัดความชื้นและความหนาแน่นในการก่อสร้าง ใช้ในเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อรักษามะเร็ง ใช้ในมาตรวัดกระแสน้ำในท่อ ใช้วัดความหนาของสิ่งต่างๆ เช่น กระดาษ แผ่นโลหะ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากแท่งซีเซียม 137 สูญหายหรือถูกขโมย บุคคลที่ครอบครองไปตัดหรือแกะออกจะได้รับอันตรายจากรังสีที่แผ่ออกมาได้ เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อรับเข้าสู่ร่างกายเล็กน้อยโดยทางหายใจหรือผิวหนังรังสีจะถูดดูดซึมไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ ตับและไขกระดูก สามารถถูกขับได้ทางเหงื่อและปัสสาวะ แต่หากสูดดมหรือรับเข้าไปด้วยความเข้มข้นสูง หรือเป็นระยะเวลาพอสมควรจะก่อให้เกิดมะเร็งกับอวัยวะที่สัมผัส
นายสนธิ กล่าวอีกว่า หากท่อของสารซีเซียม 137 ดังกล่าวถูกนำไปขายโรงแปรรูปเหล็ก และถูกหลอมในเตาเผาจะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากรังสีจะถูกปล่อยออกมาทางปล่องควัน กระจายไปในสิ่งแวดล้อม และเกิดการเปรอะเปื้อนของรังสีเบตา และแกมมา ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอย่างรุนแรงในสภาพแวดล้อมในวงกว้าง ผู้ครอบครองทั้งร้านรับซื้อของเก่า โรงงานรีไซเคิล โรงงานหลอมหลอมเหล็กที่รับท่อหุ้มดังกล่าว ผู้ครอบครองถือว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายหากนำไปกองไว้ฝนตกน้ำชะจะไหลปนเปื้อนลงในน้ำใต้ดิน น้ำผิวดิน หากนำไปหลอมยิ่งกระจายไปทางอากาศนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง