เชียงราย - สถานการณ์หมอกควันคลุมภาคเหนือรุนแรงต่อเนื่อง..เฉพาะเชียงราย-ตะเข็บชายแดนจมฝุ่น PM 2.5 ยาวนานถึง 1 เดือนเต็มแล้ว สบอ.ส่ง จนท.บินลาดตระเวน 3 จังหวัดเจอไฟป่าแค่พะเยา ด้านหน่วยฝนหลวงเตรียมพร้อมทำฝนเทียมรับความชื้นเริ่มมา
วันนี้ (9 มี.ค. 66) นายชุติเดช กมนณชุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 15 (เชียงราย) ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ที่ถูกหมอกควัน ไฟป่าปกคลุมหนาแน่นต่อเนื่อง
เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในอากาศเกินค่ามาตรฐานเป็นวันที่ 28 แล้ว ล่าสุดวันนี้วัดได้ 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์เมตร ส่วนชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของ เกินค่ามาตรฐานมาได้ 30 วัน วันนี้วัดได้ 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สบอ.ที่ 15 (เชียงราย) จึงได้ปรับแผนด้วยการใช้เครื่องบินหรืออากาศยานปีกตรึง Kodiak 100 ของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลอากาศยาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกบินลาดตระเวนวิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ดับไฟภาคปฏิบัติการ ช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 9-10 มี.ค. ก่อนทำการบินอีกครั้งในวันที่ 13-14 มี.ค. ภายใต้การควบคุมของนายภาสกร พจนาพันธ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการบินภาคเหนือ ผู้แทนสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย)
พร้อมสั่งการให้พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติ วนอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ฯลฯ จัดตั้งห้องควบคุมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดต่อกับอากาศยานที่จะแจ้งข้อมูลที่พบเห็น และเมื่อทราบเหตุไฟไหม้ให้รีบเข้าไปจัดการดับโดยทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการบินลาดตระเวนของเครื่อง Kodiak 100 วันแรกนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการบินตามพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.เชียงราย จ.พะเยา และ จ.น่าน ซึ่งพบว่าวันนี้เกิดไฟไหม้เฉพาะพื้นที่ จ.พะเยา ทั้งหมดรวม 21 จุด อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ 13 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 7 จุด และพื้นที่เกษตรอื่นๆ 1 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ภาคสนามได้เร่งทำการดับไฟแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการเข้มงวดตรวจสอบต่อไป เนื่องจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าจะมีฝนตกและพายุลมพัดแรงในพื้นที่ภาคเหนือระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ ทำให้คาดว่าจะมีการเร่งเผาพื้นที่ทางการเกษตรก่อนฝนตก
ด้านหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ได้มีการวิเคราะห์สภาพอากาศและหากพบว่าความชื้นอากาศมีเพียงพอก็จะส่งเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงโดยทันที ล่าสุดได้นำเครื่องบินเกษตรชนิด CASA จำนวน 2 ลำ ขึ้นทำการตรวจสอบและลาดตระเวนทางอากาศแล้ว