xs
xsm
sm
md
lg

คนเลี้ยงหมูน้ำตาตก!ราคาหน้าคอกดิ่งเหวสวนทางอาหารสัตว์แพง เลี้ยง 4 เดือนต้องจับขายกำไรแค่ตัวละ 300-500

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทัยธานี – เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรน้ำตาตก ราคาหมูหน้าคอกดิ่งเหลือกิโลฯละ 80 บาท แต่ราคาอาหารพุ่งไม่หยุด เลี้ยง 4 เดือน จับขายได้กำไรตัวละแค่ 300-500 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ เผยสุดท้ายอาจต้องหยุดเลี้ยงกันชั่วคราว


เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ รวมถึง อ.สว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้เลี้ยงทั้งรายเล็กรายใหญ่มากที่สุดของอุทัยธานี กำลังเดือดร้อนกันอย่างหนัก เนื่องจากราคาสุกรหน้าคอกลดฮวบ จากกิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาท เท่านั้น ซึ่งลดลงจากเดิมถึงกิโลกรัมละ 30 – 35 บาท

นายธีรวัฒน์ ยิ้มช้อย อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เลี้ยงสุกร ต.สว่างอารมณ์ อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี กล่าวถึงผลกระทบของราคาสุกรเป็นตกต่ำว่า ตนเลี้ยงสุกกรเป็นอาชีพมา 12 ปีแล้ว ปีนี้ถือว่าราคาอาหารสุกรแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพอรับได้ เพราะก่อนหน้านี้ ราคาหมูหน้าคอกยังสูงที่กิโลกรัมละ 110 – 115 บาท ก็ถือว่ายังมีกำไรอยู่กันได้

แต่ตอนนี้ ราคาลดฮวบลงมาเหลือกิโลกรัมละ 80 บาท และยังมีแนวโน้มลดต่ำดิ่งลงไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาทด้วยซ้ำ ส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อน ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มและจำใจยอมขาดทุนกัน อย่างตนเลี้ยงสุกรครั้งละ 20 ตัว มีต้นทุนเป็นค่าพันธุ์หมูตัวละ 2,500 บาท 20 ตัว เป็นเงิน 50,000 บาท ต้องเลี้ยงเป็นเวลา 4 เดือน จึงจะจับขายได้ คิดแล้วหมู 1 ตัว ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ จะมีทุนทั้งค่าตัวและค่าอาหารรวม 8,000 – 8,500 บาท 20 ตัวจะมีต้นทุนรวม 160,000 บาท


ซึ่งตอนนี้ ก็ถึงกำหนดขายแล้ว แต่ได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น หมูแต่ละตัวจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 110 กิโลกรัม 1 ตัวจะมีราคา 8,800 บาท ถ้า 20 ตัว รวมแล้วขายได้เพียง 176,000 บาท แต่มีต้นทุนถึง 160,000 บาท เหลือกำไรเพียง 16,000 บาท หรือได้กำไรตัวละ 300 – 500 บาท ถือว่าไม่ได้กำไร เพราะต้องเสียค่าแรง ค่ำน้ำ ค่าไฟ และเสียเวลาถึง 4 เดือน

หากเทียบราคาก่อนหน้านี้กิโลกรัมละ 110 – 115 บาท จะขายได้เฉลี่ยตัวละ 12,000 – 12,500 บาท จะได้กำไรตัวละ 3,500 – 3,700 บาท ถ้ารวม 20 ตัวที่เลี้ยงไว้จับขายตอนนั้นจะทำเงินได้รวม 240,000 – 250,000 บาท เท่ากับกำไรหายไปรวมกว่า 65,000 บาท

แต่ก็จำเป็นต้องจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะราคามีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีก 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะรอราคา เนื่องจากมีต้นทุนเป็นค่าอาหารสุกรอีก อยากจะวอนผู้เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารสัตว์ ถ้ายังแพงขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะต้องหยุดเลี้ยงสุกรไปก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น