เชียงราย - ม.แม่ฟ้าหลวงเผยผลงาน “ศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรครบวงจร” ตั้งปี 62 วันนี้..วิจัยการันตีก่อนเข้าไลน์ผลิต-ปั้นแบรนด์ “เจ้าคุณวัน” ส่งสมุนไพรไทยเข้าทำเนียบได้แล้ว 13 ทะเบียนยา หมอสั่งจ่ายรักษาผู้ป่วยทั้งระดับ รพ.-คลินิก ลดนำเข้ายานอก แถมเคลียร์ปมลูกประคบไทยส่งออกได้ฉลุย
รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และ ผศ.ดร.ระวิวรรณ์ เจริญทรัพย์ หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรครบวงจร มฟล.ได้นำผู้เกี่ยวข้องเผยถึงผลงานของศูนย์ฯ ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2562 ว่าได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรไทยเพื่อพัฒนานวัตกรรมให้ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งปี 2566 นี้ได้มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนภายใต้แบรนด์ "เจ้าคุณวัน" ตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร แล้วจำนวน 13 ทะเบียนยา ได้แก่ ยาแคปซูลตรีผลา ใช้บรรเทาอาการท้องผูกและเป็นยาระบายอ่อนๆ, ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร ใช้แก้ไข้, ยาแคปซูลขมิ้นชัน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ, ยาเขียวชนิดแคปซูล บรรเทาไข้และแก้ร้อนใน
ยาบัวบกชนิดแคปซูล แก้ไข้ ร้อนในและช้ำใน, ยาขิงชนิดแคปซูล แก้ท้องอืด ขับลมและจุกเสียด, ยาประสะไพลชนิดแคปซูล, ยาธาตุบรรจบ, ยาชงชมเห็ดเทศ, ยาหม่อง, ยาประคบชนิดสมุนไพรแห้ง, น้ำมันบรรเทาอาการคัดจมูกเนื่องจากหวัด และน้ำมันบรรเทาอาการปวดเมื่อย
ผศ.ดร.ระวิวรรณ์กล่าวว่า ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือมีสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยามากมาย แต่ที่ผ่านมาไม่มีผลการวิจัยรองรับ จึงทำให้ไม่มีความมั่นใจในการสั่งจ่ายยาเพื่อการรักษาผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ดังนั้นทางศูนย์ฯ จึงได้ศึกษาวิจัยอย่างครบวงจร มีโรงงานที่ได้มาตรฐานภายใน มฟล. มีการรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
กระทั่งปัจจุบันทั้ง 13 ทะเบียนยาได้รับการรับรองจากผลงานการวิจัยและถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล.และบางโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ รวมทั้งระดับคลินิกได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจะเป็นการลดการนำเข้ายาบางชนิดจากต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯ ได้พยายามวิจัยเพื่อสกัดสารจากสมุนไพรต่างๆ ดังกล่าวให้ได้ผลมากที่สุด เช่น ขิง ซึ่งตามปกติจะมีการสกัดออกได้เพียง 5% แต่หลังการวิจัยทางศูนย์สามารถสกัดสารที่จำเป็นออกมาได้ถึง 10% ทำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ได้ร่วมกับศูนย์วิจัยพืชสวน จ.เชียงราย วิจัยและพัฒนาการปลูกขมิ้นชันภายในโรงเรือนเพื่อให้ได้ผลผลิตและสารสกัดที่ดี ปัจจุบันใช้สายพันธุ์ตรัง 1 และตรัง 84-2 โดยส่งเสริมให้เกษตรกรกว่า 117 รายปลูกให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดเป็นเวลา 10 เดือน และรับซื้อ ซึ่งในปี 2566 นี้คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 23 ตัน สามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่คือ "เม็ดฟู่ขมิ้นชัน" ซึ่งเป็นเม็ดละลายน้ำได้ทันที มีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันและใช้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพื่อลดอาการข้างเคียงหลังทำคีโมเทอราปี ลดกรดไหลย้อน
รวมทั้งได้เร่งวิจัยแก้ปัญหา กรณีเอกชน 3 รายส่งออกผลิตภัณฑ์การนวดประคบไปยังต่างประเทศ แต่พบปัญหาเรื่องวัตถุดิบที่เป็นสมุนไพรเสียง่าย จนสามารถจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ครีมนวดลูกประคบ ซึ่งอยู่ในหลอดพลาสติกสามารถเก็บรักษาและใช้ได้สะดวก ปัจจุบันถูกส่งออกไปยังต่างประเทศแล้ว และกำลังวิจัยตำรับยามธุรเมหะ ที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิดอีกด้วย