คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
ไอ้เก่งไปไหนอ่ะ? คุณชูสง่าเอ่ยถามพี่หมอที่นั่งอยู่ในห้องนเดียว “อยู่ข้างนอกครับ มันไม่ยอมเข้ามาในห้องแอร์ มันบอกวันนี้ท้องไม่ดี ผายลมบ่อย เลยแยกไปอยู่ข้างนอก” “เออจริง ไอ้อ้วนมันเป็นคนตดบ่อยจริงๆ ไม่รู้มันเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือเปล่า เฮียชูตั้งข้อสังเกต “อาจเป็นได้ แต่เดี๋ยวนี้เขาผลิตเป็นแคปซูลอิเล็กทรอนิกส์ กลืนเข้าไปแกะรอยโรคทางเดินอาหารและลำไส้จากการผายลมได้แล้วนะครับเฮีย”
นวัตกรรมที่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมจากมหาวิทยาลัย RMIT และมหาวิทยาลัยโมนาชในประเทศออสเตรเลีย กลุ่มนักวิจัยได้ทำการคิดค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คลายแอปซูล แต่แทนที่จะใช้การกลืนลงท้องได้อย่างง่ายดาย ซึ่งต่างกับการสอดท่อสวนทวารเพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบทางเดินอาหารเหมือนแต่ก่อน
ศาสตราจาร์ ปีเตอร์ กิ๊บสัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า “แคปซูลตรวจสอบการผายลม มีขั้นตอนการทำงานคือจะทำหน้าที่เก็บตัวอย่างแก๊สในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์เป็นช่วงๆ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังสามารถวัดอุณหภูมิ และสภาพความเป็นกรดในระบบทางเดินอาหาร เพื่อเป็นข้อมูลให้ทราบถึงสภาพของลำไส้ในขณะนั้นๆ โดยก่อนหน้านี้ได้ทำการทดสอบอุปกรณ์ต้นแบบนี้กับหมู ซึ่งมีระบบย่อยอาหารที่คล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อดูว่าปริมาณแก๊สที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการกินอาหารประเภทใด
ภายหลังที่ได้ทดลองแคปซูลตรวจจับการผายลมกับหมูแล้ว นักวิจัยจึงได้จัดทำโครงการนำร่องทดสอบการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในกลุ่มอาสาสมัครโดยการกลืนแคปซูลที่ข้างในบรรจุอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายตรวจจับแก๊สเข้าไปในร่างกาย และในขณะเดียวกันก็ให้รับประทานอาหารตามที่กำหนดในการทดสอบแต่ละครั้งด้วย ซึ่งการทดสอบดังกล่าวพบว่า อาหารที่มีเส้นใยสูงส่งผลให้เกิดก๊าซออกซิเจนในลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครบางคนที่เข้ารับการทดสอบมีอาการปวดท้องร่วมอยู่ด้วย และเมื่อนำอุจจาระมาตรวจก็พบแบคทีเรียที่มีส่วนทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารผิดปกติ ในทางกลับกัน ให้รับประทานอาหารที่มีเส้นใยต่ำมาก จะทำให้ระดับแก๊สในลำไส้ใหญ่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และที่พิเศษไปกว่านั้น “แคปซูลตรวจจับการผายลม” สามารถทำงานอยู่ในร่างกายได้นานถึง 3 วันเต็ม
ทั้งนี้ ศ.กิ๊บวัน ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้การผายลมจะดูเป็นเรื่องธรรมชาติและเป้นอาการปกติที่เกิดขึ้นภายในระบบย่อยอาหาร แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ การรับแก๊สจากร่างกายมนุษย์อาจเป็นตัวบ่งบอกถึงการทำงานที่อาจผิดปกติของระบบภายในได้ และถึงแม้ว่างานวิจัยนี้ยังจะไม่สมบูรณ์ 100% ก็ตาม แต่จะเป็นการวางแผนที่จะสามารถตอบโจทย์ตามต้องการด้านสุขภาพของคนยุคใหม่ที่มีความต้องการแสวงหาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มากกว่าเทคโนโลยีแบบเดิมๆ
เชื่อว่าทุกวันนี้มีผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับลำไส้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่น่ากังวลอีกต่อไป เพราะเพียงแค่กลืนแคปซูลแล้วรอ “การผ่ายลม” ก็สามารถวินิจฉัยโรคลำไส้ได้ทันที นับเป็นความก้าวหน้าไปไกลมากในการคิดค้นนวัตกรรมที่ให้ความสะดวกสบายกับผู้ป่วยมากขึ้น