เชียงราย - ไทย-พม่าหารือลับได้ข้อสรุป..จ่อเปิดจุดผ่านแดนถาวรข้ามสะพานน้ำสาย 1 พรุ่งนี้ (20 ก.พ.) ล่าสุดล้างถนน-ตีเส้นจราจรใหม่ เตรียมอุปกรณ์-ป้ายไวนิลพร้อมสรรพ แต่งดจัดพิธีการเอิกเกริกแถมวางกำลังดูแลเข้มทั้งสองฝั่งประเทศ
วันนี้ (19 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่งท่าขี้เหล็ก เมียนมา-อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ดำเนินการทำความสะอาดและจัดเตรียมอุปกรณ์เตรียมพร้อมเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมา สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 กันอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะฝั่งไทยมีการเปิดประตูเหล็กที่เคยปิดเอาไว้ตั้งแต่มีประกาศปิดพรมแดนตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายอุปกรณ์ ทำความสะอาด ทาสีเครื่องหมายจราจร ฯลฯ และในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) และตำรวจ สภ.แม่สาย ได้เข้าไปดูแลบริเวณหน้าด่านพรมแดนมากเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับทาง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่ได้เตรียมการทำนองเดียวกันก่อนหน้านี้แล้ว 2-3 วัน รวมทั้งมีการติดธงทิว ดอกไม้ และกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้ติดต่อประสานงานและตกลงกันว่าจะมีการเปิดด่านพรมแดนพร้อมกันในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ. 66) เป็นวันแรกเวลา 07.00-18.30 น. จากนั้นจะเป็นการทดลองเปิดตั้งแต่เวลา 06.30-18.30 น.ทุกวัน จากเดิมที่เคยเปิดเต็มเวลาในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดตั้งแต่เวลา 06.30-21.00 น. อย่างไรก็ตาม หากพ้นช่วงทดลองเปิดไปแล้วจึงค่อยกลับมาเปิดเต็มเวลาอีกครั้ง
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการเปิดด่านครั้งนี้จะไม่มีพิธีการใดๆ มากนัก โดยนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าฯ เชียงราย จะนำเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบปะ-จับมือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกลางสะพานเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การตกลงเปิดด่านพรมแดนครั้งนี้ไม่มีการจัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมกันอย่างปิดเผยหรือเผยแพร่ข่าวสารล่วงหน้า เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีความกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเคยแจ้งยกเลิกการประชุมกับ จ.เชียงราย มาแล้วครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม พบว่าสื่อท้องถิ่นในรัฐฉานและ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เผยแพร่ข่าวสารกำหนดการเปิดด่านพรมแดนท่าขี้เหล็ก-แม่สาย ในวันที่ 19 หรือ 20 ก.พ.นี้กันอย่างคึกคัก หลังถูกปิดมานานและทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวและตลาดชายแดนทั้งสองฝั่งประเทศซบเซามานานเกือบ 3 ปี โดยมีเพียงการเปิดสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพื่อใช้สำหรับการขนส่งสินค้าเท่านั้น ดังนั้น กระแสการเปิดด่านครั้งใหม่นี้จึงทำให้ผู้คนทั้งฝั่งไทยและเมียนมาต่างเฝ้าติดตามความคืบหน้ากันอย่างต่อเนื่อง