ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักธุรกิจเมืองศรีราชามั่นใจภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ปี 66 เริ่มขยับในทิศทางที่ดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย แต่ส่วนใหญ่ยังหวั่นใจปัญหาคอร์รัปชันส่วนราชการ ขณะนักธุรกิจญี่ปุ่นยันยังไม่ปันใจไปที่อื่น
สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2563 และระบาดหนักในปี 2564 ได้ทำให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนและพักอาศัยในเมืองศรีราชา พร้อมครอบครัวเกือบ 2 หมื่นคนต้องพากันเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้เมืองศรีราชา ซึ่งถูกขนานนามว่า “Little Tokyo” กลายเป็นเมืองร้างทันตา เพราะภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บาร์ญี่ปุ่น ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าต้องหยุดชะงัก ทั้งจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และการไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ
วันนี้เมื่อสถานการณ์ระบาดของโรคร้ายเริ่มคลี่คลาย เมืองศรีราชาเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งจากภาคการลงทุน ภาคธุรกิจ และการท่องเที่ยว
โดย นายกิตติศักดิ์ กิจโชคเจริญสกุล ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กก.ตร.สภ.ศรีราชา ในฐานะนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนและพักอาศัยในเมืองศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเขียนบทความบรรยายความเงียบเหงาของเมืองศรีราชาที่กลายเป็นเมืองร้างจากพิษบ่อนการพนันจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 จนทำให้มียอดไลก์ยอดแชร์ และยอดอ่านเป็นจำนวนมากบอกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจเมืองศรีราชาเริ่มขยับแล้ว
และยังบอกอีกว่า การเกิดขึ้นของโครงการ อีอีซีได้ทำให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นและชาวจีน เริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนในพื้นที่ โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีนที่ขณะนี้เริ่มย้ายฐานผลิตชิปรถยนต์เข้ามาในประเทศไทย และในช่วง 1-2 ปีนี้จะได้เห็นการเข้ามาของกลุ่มทุนจีนในภาคการผลิตมากขึ้น
“ขณะที่การท่องเที่ยว เมืองศรีราชาค่อนข้างได้เปรียบจากปัจจัยที่มีทั้งภูเขาและทะเล รวมทั้งการเป็นเมืองน่าอยู่ ดังนั้น ชาวศรีราชาในฐานะที่เจ้าบ้านจึงจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์ธรรมชาติและสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้กลับมาเยือนอีกครั้ง”
ส่วนกระแสดรามาดาราไต้หวันถูกตำรวจไทยตบทรัพย์ ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกคู่แข่งทางการท่องเที่ยวของไทยได้ถือโอกาสซ้ำเติมเพื่อหวังช่วงชิงทางการตลาด ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรมว.การท่องเที่ยว ต้องรีบออกมาแก้ไข
“ตอนนี้นักลงทุนจีนมีความเป็นห่วงเรื่องปัญหาคอร์รัปชันในไทย แต่ยังโชคดีที่ขณะนี้มีคนดังทั้ง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณชูวิทย์ กมลวิสิษฎ์ น้องดิว อริสรา และนักข่าวที่เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนพากันออกมาแฉเรื่องไม่ดีต่างๆ จนนำไปสู่การแก้ไข ผมเองได้อธิบายให้เพื่อนชาวจีนได้เข้าใจว่า เมืองไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่น ที่กำลังจะกลับมาเข้ามา ซึ่งเขากังวลเช่นกันแต่เราในฐานะเจ้าบ้านต้องอธิบายให้เข้าใจว่าข้าราชการไม่ดีในเมืองไทยมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น”
นายกิตติศักดิ์ ยังเผยอีกว่า ตนเองในฐานะประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กก.ตร.สภ.ศรีราชา ยังได้เน้นยำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องการให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว
“โชคดีที่ขณะนี้เราได้ ผกก.สภ.ศรีราชา ที่เป็นชาวศรีราชาโดยกำเนิด ซึ่งท่านเองตระหนักในเรื่องนี้ และต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่าน จึงมั่นใจได้ว่าประชาชนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนักลงทุนทั้งชาวจีนและญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในพื้นที่แล้ว”
ที่สำคัญเทศบาลเมืองศรีราชามีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการจราจรที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งในอนาคตจะเริ่มมีการนำไฟแดงอัจฉริยะเข้ามาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่คับคั่ง และยังจะมีการจัดสร้างสะพานกระจกสกายวอล์ก และลานจอดรถเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
ชาวญี่ปุ่นทยอยกลับเข้าพื้นที่เมืองศรีราชาแล้วกว่า 13,000 คน
ด้าน มร.มาซาฮีโร่ อาเบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซา เจแปน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในเมืองศรีราชาแบบระยะยาว และปัจจุบันมีพนักงานขับรถชาวไทยในสังกัดถึง 400 คน บอกว่าตนเองในฐานะที่อาศัยในเมืองศรีราชามานานถึง 11 ปี มีความมั่นใจว่า เมืองศรีราชาและประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายที่ชาวญี่ปุ่นต้องการจะเข้ามาลงทุน
และสาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นเลือกเมืองศรีราชาเพราะสภาพภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขาและทะเลจนชาวญี่ปุ่นพากันขนานนามเมืองแห่งนี้ว่าเป็น “Little Tokyo” ที่มีทั้งวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงร้านรวงต่างๆ เปิดให้บริการไม่ต่างกัน
“ ปี 2012 ที่เกิดอุทกภัยในอยุธยา มีบริษัทของชาวญี่ปุ่นได้รับความเสียหายจำนวนมาก วันนี้กลุ่มทุนเหล่านั้นได้ย้ายฐานเข้ามาในเมืองศรีราชา เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่น้ำไม่ท่วมแล้ว ยังอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง อีกทั้งยังมีบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนอยู่ก่อนหน้าเป็นจำนวนมากทั้งมิตซูบิชิ ซูซูกิ มาสด้า”
อีกทั้งข้อมูลจากสถานทูตญี่ปุ่นพบว่า นอกจากเมืองศรีราชาจะมีจำนวนประชากรชาวญี่ปุ่นต่อตารางเมตรมากที่สุดในโลกแลว ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นได้เริ่มทยอยกลับเข้ามาทำงานในเมืองศรีราชาแล้วถึง 6,000 คน ไม่นับรวมชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาทำงานในระยะสั้นและกลุ่มเกษียณ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่อีกไม่น้อยกว่า 7,000 คน
มร.มาซาฮีโร่ อาเบ ในฐานะประธานศาลเจ้าญี่ปุ่น และประธานการจัดงานเทศกาลเมืองศรีราชา บอกว่า ตนเองและชาวญี่ปุ่นได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน นอกจากนั้น การเปิดศาลเจ้าชินโตกลางเมืองศรีราชา นอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่นในพื้นที่แล้ว วันนี้ยังกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ทางการท่องเที่ยวให้เมืองศรีราชาอีกด้วย